“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม

“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม ความบังเอิญมักจะทำให้เราเจอร้านเด็ดอยู่เสมอ คราวนี้ก็เช่นกันค่ะ บังเอิญหาร้านกินข้าวเที่ยงในย่านปากซอยทองหล่อ เราเจอกับหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเด็ดร้านดังที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลองชิม! ก็คือร้าน “แซว” นั่นเอง ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดห้องแถว มีตู้ไม้ใส่เครื่องก๋วยเตี๋ยวตั้งเป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศร้านสไตล์จีนดั้งเดิม พร้อมกับคนแน่นอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มั่นใจเลยว่าร้านนี้เด็ดแน่นอน เชื่อว่าหลายคนที่เคยกินก็ต้องติดใจจนกลายเป็นร้านประจำ ตามมาพูดคุยกับทายาทรุ่นที่สามของร้านแซวกันดีกว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนาดนี้?! วันนี้เรามาพูดคุยกับคุณอัญชลี หรือคุณอัญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของเจ้าของร้านแซว คุณอัญก็ได้เล่าให้เราฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีก๋วยเตี๋ยวร้านแซวนั้นมาจากอากงที่มาจากจีน จากนั้นก็ส่งต่อจากอากงสู่รุ่นหลาน มีการปรับสูตรให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและคุณภาพแบบดั้งเดิม อาจจะเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวร้านแซวมีหลายสาขา ก็จะเป็นลูกหลานอากง เป็นพี่เป็นน้องของเราเองค่ะ เราไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะอยากรักษาสูตรและรสชาติให้คงเดิมไว้มากที่สุด เมื่อก่อนอากงเป็นคนคิดค้นสูตรให้ถูกใจลูกค้า เราจะเน้นเครื่องในหมู ตับหมู ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เราก็มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยตามเทรนด์สุขภาพมากขึ้น จะมีการใส่เนื้อปลาหรือลูกชิ้นปลาเพิ่มเข้ามา ทำให้ถูกใจลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้น หมูสับสูตรแซว น้ำซุปหวานกลมกล่อม กินร้านไหนก็ไม่เหมือน เชื่อว่าถ้าใครได้ลองกิน ก็ต้องติดใจหมูสับของเราค่ะ แน่นอนว่าจุดเด่นของร้านเราอยู่ที่หมูสับสูตรแซว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าช่วงวัยไหนทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้ใหญ่ก็จะชอบหมูสับของเรามาก เพราะว่าหมูสับของเราผ่านการหมักอย่างถึงเครื่อง ไม่ผสมแป้ง ไม่ผสมสารกันบูด ทำสดใหม่เสมอ ซึ่งในแต่ละวัน เราทำหมูสับในปริมาณที่เยอะมาก ทำให้ได้ความสดใหม่และคุณภาพดี หัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุป  นอกจากหมูแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “น้ำซุป” ที่เราคงคุณภาพมาตั้งแต่รุ่นอากง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบในการใช้ก็ดี หรือรสชาติของน้ำซุปก็ดีที่เป็นรสชาติต้นตำรับ ไม่ได้ปรุงแต่งเยอะ ใช้รสชาติแท้ ๆ ของกระดูกหมูกับเครื่องรากผักชีนิดหน่อย ทำให้น้ำซุปได้รสชาติหอม ซดแล้วคล่องคอ แน่นอนว่าหัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ถ้าน้ำซุปไม่เข้มข้น ไม่กลมกล่อม บอกได้เลยว่าอยู่ยาก ลูกค้าที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวร้านเราอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกใจน้ำซุป เคล็ดลับของน้ำซุปร้านเราอยู่ที่การเคี่ยวนาน และปรับสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น เราเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีอย่าง “น้ำตาลกรวดมิตรผล” เพราะน้ำตาลกรวดจะค่อยๆละลาย จะยิ่งขับรสชาติความอร่อยของกระดูกหมูออกมาได้หวานกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ เข้าถึงรสชาติมากกว่าน้ำตาลทั่วไป ซดเมื่อไหร่ก็คล่องคอ หวานกลมกล่อมพอดี เมนูเด็ด กินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ! สำหรับเมนูเด็ดที่ถูกใจลูกค้าและเข้ามากินบ่อยก็จะเป็นเส้นปลาต้มยำ ซุปหมูสับ หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ลูกค้าจะชมตลอดว่าน้ำซุปร้านเราถึงเครื่อง รสชาติเข้มข้น ถ้าใครมีโอกาสอยากให้แวะมาลองชิมกันค่ะ มีด้วยกันหลายสาขา ได้แก่ วัชรพล พระโขนง ทองหล่อ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปกินกันได้เลยค่ะ     

อ่านบทความ

“ขนมไทยเก้าพี่น้อง” จากขนมไทยในงานบุญ สู่ต้นตำรับกว่า 40 ปี

ขนมไทยเก้าพี่น้อง แน่นอนว่าเวลามีงานบุญ งานบวช ขาดไม่ได้เลยคือ “ขนมไทย” ที่มีหน้าตาประณีต สีสันที่สวยงาม และรสชาติหวานกลมกล่อม ที่สำคัญขนมไทยแต่ละชนิดยังมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันอีกด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเมนูขนมไทยสุดโปรดในดวงใจกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ บอกเลยว่าขนมไทยบางชนิดก็หากินยากมาก! แต่รับรองว่าหาได้!! เพราะวันนี้เราพามาบุกร้านขนมไทยเก้าพี่น้อง ต้นตำรับขนมไทยกว่า 40 ปี มีขนมไทยให้เลือกแบบจุใจ จะซื้อกินก็ดีหรือซื้อฝากก็เลิศ พร้อมบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม ทำอย่างไรให้ขนมไทยออกมารสชาติดี ถูกปากคนทุกวัย~ จุดเริ่มต้นของ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง”      จุดเริ่มต้นของร้านเราเกิดจากการที่อาม่าเป็นคนชอบทำขนมไทย พอดีได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญของเพื่อนบ้าน อาม่าก็ชอบสังเกตและลองทำตามให้ลูกหลานได้ลองชิมกัน พอได้ลองชิมแล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รสชาติดี” อากง อาม่าเลยตัดสินใจเปิดร้านขนมไทย โดยเปิดสาขาแรกที่ตลาด อ.ต.ก. ในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งที่มาของชื่อ “เก้าพี่น้อง” นั้น เป็นเพราะว่าทางอากง อาม่ามีลูกอยู่ 9 คน ก็เลยเอาจำนวนของลูก ๆ มาตั้งเป็นชื่อร้าน เป็นที่มาของชื่อ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง” นั่นเอง “เน้นความสดใหม่ ใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ไม่ใส่สาร ปลอดภัยต่อผู้บริโภค”  จุดเด่นของทางร้านที่เราเน้นเสมอ อย่างแรกเลยคือ ขนมของเราจะทำสดใหม่ทุกวัน เราผลิตวันต่อวัน ไม่มีขนมค้างสต๊อกแน่นอน อย่างที่สองคือเรื่องของมาตรฐานความสะอาด เราใส่ใจในความสะอาดของทุกขั้นตอนการผลิต และเรื่องของวัตถุดิบ เราคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานเพื่อนำมาผลิตขนม อย่างสุดท้ายทางร้านจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทางร้านจะไม่ใส่สารกันเสียหรือวัตถุกันเสียใด ๆ ขนมไทยเมนูเด็ด ห้ามพลาด!      สาวกขนมไทยห้ามพลาดกับเมนูเด็ดของทางร้าน อย่าง ลูกชุบ, ขนมชั้นหวานน้อย, ตะโก้กวนใหม่ทุกวันหอมมันกะทิสด ๆ หรือจะเป็นขนมเทียนไส้มะพร้าวหวานหอมกลมกล่อม อีกทั้งขนมเทียน ข้าวต้มมัด ฯลฯ บอกเลยว่าร้านเรามีขนมไทยให้เลือกเยอะมาก แนะนำให้เข้ามาเลือกชมด้วยตัวเอง รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือเพียบ! “เคล็ดลับของเราอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน”      เป็นที่รู้กันว่าขนมไทยส่วนมากมักจะมีรสชาติค่อนข้างหวานมากอยู่แล้ว แต่สูตรของทางร้านเราเรียกได้ว่าทำมาอย่างพอดีพอเหมาะ มีความหอมมัน ได้กลิ่นของน้ำตาลอ้อยผสมน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำขนมไทยหลายอย่าง เช่น ขนมโคน้ำ ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก รวมไปถึงขนมเปียกปูน เป็นต้น     แน่นอนว่าที่ได้ขนมไทยรสชาติหวานละมุน กลมกล่อมได้แบบนี้ เป็นเพราะทางร้านเลือกใช้ “น้ำตาลอ้อยผสมมะพร้าวของมิตรผล” ให้รสชาติที่หวานเข้มข้นกลมกล่อม ได้ความหอมจากหวานจากน้ำตาลมะพร้าว เหมาะกับการทำเมนูขนมหวาน ก่อนหน้านี้เราลองใช้น้ำตาลมะพร้าวทั่วไปมาแล้วหลายเจ้า ทั้งร้านตามตลาดขายส่ง หรือบุกไปซื้อถึงสวนเองเลยก็มี แต่ด้วยความที่ร้านเราผลิตขนมในปริมาณมาก เราต้องการน้ำตาลที่ได้รสชาติมาตรฐาน มีความสม่ำเสมอ ไม่หวานแหลมจนเกินไป น้ำตาลมิตรผลจึงตอบโจทย์สุด เพราะได้น้ำตาลที่มีเนื้อเนียน ละลายง่าย ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ได้รสชาติหวานมันกลมกล่อมหอมมะพร้าวและหวานสม่ำเสมอ …

อ่านบทความ

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน อากาศร้อน ๆ เดินตะลุยกินเยาวราชทั้งที จัดเต็มทั้งของคาว ของกินเล่น แล้วห้ามพลาด! กับของหวานร้านเด็ดที่จะเติมความหวาน เพิ่มความสดชื่นอย่าง “อาอี๊ หวานเย็น” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์จีนแท้ ๆ กับเมนูเด็ดอย่าง “เชงทึงหมี่หวาน” ของหวานจีนแต้จิ๋วโบราณหากินยาก ให้เครื่องแน่นจนอิ่มจุก แถมยังมีเมนูเด็ดไม่เหมือนใคร ทำให้ใครผ่านไปมาต้องลองชิม! วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักอาอี๊ หวานเย็นให้มากขึ้น พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม กินแล้วหอมเย็นชื่นใจ~ จากของหวานโรงเจสู่อาอี๊ หวานเย็น  ตอนนี้เราก็อยู่กับอาอี๊พิม เจ้าของร้านอาอี๊ หวานเย็น ตำนานน้ำแข็งไสสไตล์จีน หากินยาก! ซึ่งอาอี๊ก็ได้เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นร้านหวานเย็น ว่าเมื่อก่อนอาอี๊ หวานเย็นเริ่มขายครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 ตั้งร้านอยู่ที่โรงเจโจวซือกง ย่านตลาดน้อย ใน 1 ปี จะขาย 10 วันเท่านั้นก็คือช่วงเทศกาลกินเจ ทีนี้ลูกค้ากินแล้วติดใจ เรียกร้องอยากให้ร้านเราเปิดขายทั้งปี เราก็เลยตัดสินใจรวมตัวพี่น้องทุกคนและออกมาเปิดร้านขายที่ริมถนนเยาวราช “อาอี๊ หวานเย็น” มาจากการที่ลูกเรียกแม่ว่า “อาอี๊” แน่นอนว่าครอบครัวของเราเป็นคนจีน ชื่อร้านจึงมาจากคำที่ลูกเรียกแม่ ซึ่งในภาษาจีนคือคำว่าว่า “อาอี๊” นั่นเอง และ “เชงทึง” แปลว่าน้ำใส เป็นคำโบราณของภาษาจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันรู้จักกันดีในคำว่า “เต้าทึง” นั่นเองค่ะ เปิดประสบการณ์กิน “หมี่เย็น” กับเมนูเด็ด “เชงทึงหมี่หวาน” นึกถึงเส้นบะหมี่ก็ต้องกินตอนร้อน อาอี๊หวานเย็นเปิดประสบการณ์ใหม่กิน “บะหมี่เย็น” กับเมนูไฮไลต์ของร้านอย่าง “ชงทึงหมี่หวาน” อย่างที่บอกไปค่ะทุกคนว่าเชงทึงคือน้ำแข็งไส เพราะฉะนั้นชงทึงหมี่หวาน คือ น้ำแข็งไสสไตล์จีนใส่บะหมี่นั่นเอง ซึ่งความพิเศษไม่เหมือนใครของอาอี๊ หวานเย็นอยู่ที่ “บะหมี่” ซึ่งบะหมี่ของที่ร้าน ไม่ได้ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำด่าง เส้นนุ่ม สำหรับเมนูเชงทึงหมี่หวาน ถ้ากินเย็นเส้นจะมีความเหนียวนุ่ม แต่ถ้ากินตอนร้อนเส้นจะนุ่ม มีความหอมของหมี่ ที่สำคัญยังจัดเต็มเครื่องแน่นด้วยกันถึง 9 อย่างและแป้งอีก 3 อย่าง บอกเลยว่าเป็นเมนูที่ใครลองก็ติดใจ! เคล็ดลับความหวานของอาอี๊ หวานเย็น บอกก่อนว่าอาอี๊เป็นคนเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกขั้นตอนเราค่อนข้างพิถีพิถัน เชื่อมเอง ต้มเองทุกอย่าง อย่างเรื่องวัตถุดิบ เราเลือกใช้ของสดใหม่และคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติมาตรฐาน และที่เชงทึงของเรารสชาติหวานกลมกล่อมได้แบบนี้ เพราะว่าเราใช้น้ำตาลอ้อยและน้ำตาลทรายแดงของมิตรผล ที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไปและสีสันที่น่ากิน รวมถึงกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% เคล็ดลับความหวานอยู่ที่เราใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลต้มกับน้ำลำไย เริ่มจากการเอาลำไยไปต้มกับน้ำร้อนให้เดือดก่อน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และเคี่ยวให้น้ำตาลทรายแดงซึมเข้าเนื้อสักพัก เมื่อได้ที่แล้ว จะปล่อยให้เย็นตัวแล้วนำมาเสิร์ฟขายหน้าร้าน ซึ่งน้ำลำไยนี่แหละคือหัวใจหลัก ที่เราจะใส่ลงในเชงทึงหมี่หวาน เพื่อให้มีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม กินแล้วหวานเย็นชื่นใจ นอกจากนี้เรายังใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลใส่ลงไปในเมนูอื่น …

อ่านบทความ

Custard Nakamura ร้านเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น ที่สุดแห่งตำนาน ไม่ควรพลาด!

พามารู้จักร้านดัง “Custard Nakamura ” เบเกอรี่ร้านดังย่านสุขุมวิท จัดเต็มหลากหลายขนมปังสุดน่ากิน แถมราคาโดนใจ ชื่อนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

อ่านบทความ

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี หลายคนคงอาจจะเคยเจอความผิดพลาดในการทำเบเกอรี ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ อุณหภูมิการอบ หรือการเลือกใช้วัตถุดิบอย่าง “น้ำตาล” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบเกอรีไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส   การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยเรื่องความคงตัวและขึ้นฟู เก็บความชุ่มชื้น ชูรสชาติ และทำให้สีสันสวยงามน่ารับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและรสชาติที่โดดเด่น น้ำตาลเบเกอรีมีความสำคัญอย่างไร น้ำตาลที่ใช้ในเบเกอรีมีหลายชนิดและมีความแตกต่างกัน ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนกัน โดยน้ำตาลสำหรับทำเบเกอรีจะมีความเนียนละเอียดมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละลายช้าในขนม, การขึ้นฟูไม่เต็มที่ หรือเนื้อขนมไม่เนียน อบแล้วเกิดรอยร้าว ซึ่งหากเลือกใช้น้ำตาลที่ถูกประเภทก็จะสามารถช่วยลดปัญหาในการทำเบเกอรีได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักคุณสมบัติของน้ำตาลเบเกอรีทั้ง 3 ประเภทกันค่ะ 1. น้ำตาลเบเกอรี (Caster Sugar) น้ำตาลเบเกอรี คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นเกล็ดละเอียด จึงสามารถผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาในการตีส่วนผสม ทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม เนื้อเค้กขึ้นฟูเร็วขึ้น รี่ซึ่งมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้   ปัญหาเนื้อชิฟฟ่อนเกิดจุดสีน้ำตาล เกิดจากการที่น้ำตาลทรายปกติผสมกับแป้งไม่ดีพอ การใช้น้ำตาลเบเกอรีจะลดขั้นตอนในการผสม โดยที่ไม่ต้องเอาน้ำตาลไปปั่นก่อน ปัญหาทำเมอแรงก์สำหรับผสมในเนื้อเค้ก หากการตีน้ำตาลที่เกล็ดใหญ่เกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการตีกับไข่ขาวนาน ซึ่งมีผลทำให้เค้กแข็งและเป็นรูภายในได้ ปัญหาเค้กไม่เนียน แข็งหรือแห้งเกินไป หากใช้น้ำตาลเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งขึ้นฟูได้เร็วขึ้น 2. น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี (Brown Sugar for Bakery) น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี คือน้ำตาลทรายแดงที่ผ่านกระบวนการร่อนจนได้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด สะดวก พร้อมใช้งาน หมดปัญหาการจับตัวกันเป็นก้อน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ ให้รสชาติหวานละมุน ช่วยให้เบเกอรีมีสีน้ำตาลสวยน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาเมนูบราวนี่ที่มีรสชาติหวานแหลมจนเกินไป เพราะต้องใช้ปริมาณน้ำตาลเยอะเพื่อความชุ่มฉ่ำและการขึ้นฟิล์ม หากใช้น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยคงความชุ่มฉ่ำและช่วยให้รสชาติหวานละมุนกำลังดี ปัญหาเมนูทาร์ตที่เนื้อไม่กรอบร่วน น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งกรอบร่วนตามที่ควรจะเป็น ปัญหาการอบคุกกี้ให้ได้สีน้ำตาลสวย แต่ไม่เป็นแบบที่ตั้งใจจากการเลือกใช้น้ำตาลผิดประเภท ทำให้ใช้เวลาในการอบนานเกินไปและกลายเป็นคุกกี้ไหม้ น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยเรื่องสีและกลิ่นของคุกกี้ 3. น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) น้ำตาลไอซิ่ง คือน้ำตาลทรายขาวที่ทำการบดหรือปั่นอย่างละเอียด ผสมกับแป้งมันสำปะหลัง เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ในอดีตนิยมนำมาใช้ในการโรยตกแต่งหน้าเบเกอรี เช่น เค้ก, ขนมปัง, และโดนัท แต่ปัจจุบันน้ำตาลไอซิ่งเริ่มมีบทบาทในการทำเบเกอรีมากขึ้น สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหรือวิปปิ้งครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เพื่อให้ครีมตั้งรูป มีความคงตัวมากขึ้น หรือผสมในเนื้อคุกกี้หรือทาร์ต เพื่อช่วยเพิ่มความกรอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาการอบมาการองที่ขึ้นทรงได้ไม่ดี หากใช้น้ำตาลไอซิ่ง จะช่วยตั้งทรงให้ขามาการองขึ้นรูปได้ดีขึ้น ปัญหาการละลายช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งหน้าเค้ก บางครั้งจะออกมาเหลวจนเกินไป การใช้น้ำตาลไอซิ่งเข้าไปผสมด้วยจะทำให้ตัวซอสช็อกโกแลตจับตัวอยู่บนหน้าเค้กได้ดีขึ้น เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เอามาฝากกัน หวังว่าจะช่วยให้หลายท่าน ได้ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับน้ำตาลเบเกอรีมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ให้ถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำทานเองในครัวเรือนหรือทำขายสำหรับกิจการของคุณได้อย่างไร้ปัญหาค่ะ

อ่านบทความ

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร?

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร? หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ให้ได้รสชาติหวานคงที่และมีคุณภาพมาตรฐาน นั่นคือ น้ำเชื่อม เพราะเป็นตัวผสานความอร่อยของส่วนผสมต่างๆ ให้หวานกลมกล่อม ได้รสชาติที่ลงตัว แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกน้ำเชื่อมที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำเชื่อมให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจสงสัยว่า น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม แตกต่างจากน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็วอย่างไร เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 1. คุณสมบัติทั่วไปที่เหมือนกันของน้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม และน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีดังนี้ ให้ความหวานคงที่ สม่ำเสมอ ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดเวลาในการเตรียมน้ำเชื่อม ไม่ตกผลึก หรือกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาลอีก จัดเก็บง่าย และเก็บได้นาน 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น 2.คุณสมบัติทื่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีดังนี้ 3. คุณสมบัติของความคุ้มค่าในการใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปทั้ง 2 ชนิด มีดังนี้ คุ้มค่าเรื่องต้นทุน เพราะน้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ให้ความควานคงที่ มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าแก๊ส ค่าไฟ หากใช้ไม่หมดก็สามารถเก็บไว้ใช้งานต่อได้โดยไม่เสีย คุ้มค่าเรื่องเวลา น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว สามารถใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการงานส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ประเภทไหน ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์ได้ถูกคิดค้นสูตรมาเพื่อผู้ประกอบการ และการใช้งานจริง เพื่อให้ได้เมนูที่อร่อย รสชาติคงที่ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

อ่านบทความ

“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม ความบังเอิญมักจะทำให้เราเจอร้านเด็ดอยู่เสมอ คราวนี้ก็เช่นกันค่ะ บังเอิญหาร้านกินข้าวเที่ยงในย่านปากซอยทองหล่อ เราเจอกับหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเด็ดร้านดังที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลองชิม! ก็คือร้าน “แซว” นั่นเอง ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดห้องแถว มีตู้ไม้ใส่เครื่องก๋วยเตี๋ยวตั้งเป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศร้านสไตล์จีนดั้งเดิม พร้อมกับคนแน่นอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มั่นใจเลยว่าร้านนี้เด็ดแน่นอน เชื่อว่าหลายคนที่เคยกินก็ต้องติดใจจนกลายเป็นร้านประจำ ตามมาพูดคุยกับทายาทรุ่นที่สามของร้านแซวกันดีกว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนาดนี้?! วันนี้เรามาพูดคุยกับคุณอัญชลี หรือคุณอัญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของเจ้าของร้านแซว คุณอัญก็ได้เล่าให้เราฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีก๋วยเตี๋ยวร้านแซวนั้นมาจากอากงที่มาจากจีน จากนั้นก็ส่งต่อจากอากงสู่รุ่นหลาน มีการปรับสูตรให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและคุณภาพแบบดั้งเดิม อาจจะเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวร้านแซวมีหลายสาขา ก็จะเป็นลูกหลานอากง เป็นพี่เป็นน้องของเราเองค่ะ เราไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะอยากรักษาสูตรและรสชาติให้คงเดิมไว้มากที่สุด เมื่อก่อนอากงเป็นคนคิดค้นสูตรให้ถูกใจลูกค้า เราจะเน้นเครื่องในหมู ตับหมู ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เราก็มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยตามเทรนด์สุขภาพมากขึ้น จะมีการใส่เนื้อปลาหรือลูกชิ้นปลาเพิ่มเข้ามา ทำให้ถูกใจลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้น หมูสับสูตรแซว น้ำซุปหวานกลมกล่อม กินร้านไหนก็ไม่เหมือน เชื่อว่าถ้าใครได้ลองกิน ก็ต้องติดใจหมูสับของเราค่ะ แน่นอนว่าจุดเด่นของร้านเราอยู่ที่หมูสับสูตรแซว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าช่วงวัยไหนทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้ใหญ่ก็จะชอบหมูสับของเรามาก เพราะว่าหมูสับของเราผ่านการหมักอย่างถึงเครื่อง ไม่ผสมแป้ง ไม่ผสมสารกันบูด ทำสดใหม่เสมอ ซึ่งในแต่ละวัน เราทำหมูสับในปริมาณที่เยอะมาก ทำให้ได้ความสดใหม่และคุณภาพดี หัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุป  นอกจากหมูแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “น้ำซุป” ที่เราคงคุณภาพมาตั้งแต่รุ่นอากง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบในการใช้ก็ดี หรือรสชาติของน้ำซุปก็ดีที่เป็นรสชาติต้นตำรับ ไม่ได้ปรุงแต่งเยอะ ใช้รสชาติแท้ ๆ ของกระดูกหมูกับเครื่องรากผักชีนิดหน่อย ทำให้น้ำซุปได้รสชาติหอม ซดแล้วคล่องคอ แน่นอนว่าหัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ถ้าน้ำซุปไม่เข้มข้น ไม่กลมกล่อม บอกได้เลยว่าอยู่ยาก ลูกค้าที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวร้านเราอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกใจน้ำซุป เคล็ดลับของน้ำซุปร้านเราอยู่ที่การเคี่ยวนาน และปรับสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น เราเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีอย่าง “น้ำตาลกรวดมิตรผล” เพราะน้ำตาลกรวดจะค่อยๆละลาย จะยิ่งขับรสชาติความอร่อยของกระดูกหมูออกมาได้หวานกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ เข้าถึงรสชาติมากกว่าน้ำตาลทั่วไป ซดเมื่อไหร่ก็คล่องคอ หวานกลมกล่อมพอดี เมนูเด็ด กินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ! สำหรับเมนูเด็ดที่ถูกใจลูกค้าและเข้ามากินบ่อยก็จะเป็นเส้นปลาต้มยำ ซุปหมูสับ หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ลูกค้าจะชมตลอดว่าน้ำซุปร้านเราถึงเครื่อง รสชาติเข้มข้น ถ้าใครมีโอกาสอยากให้แวะมาลองชิมกันค่ะ มีด้วยกันหลายสาขา ได้แก่ วัชรพล พระโขนง ทองหล่อ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปกินกันได้เลยค่ะ     

ขนมไทยเก้าพี่น้อง แน่นอนว่าเวลามีงานบุญ งานบวช ขาดไม่ได้เลยคือ “ขนมไทย” ที่มีหน้าตาประณีต สีสันที่สวยงาม และรสชาติหวานกลมกล่อม ที่สำคัญขนมไทยแต่ละชนิดยังมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันอีกด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเมนูขนมไทยสุดโปรดในดวงใจกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ บอกเลยว่าขนมไทยบางชนิดก็หากินยากมาก! แต่รับรองว่าหาได้!! เพราะวันนี้เราพามาบุกร้านขนมไทยเก้าพี่น้อง ต้นตำรับขนมไทยกว่า 40 ปี มีขนมไทยให้เลือกแบบจุใจ จะซื้อกินก็ดีหรือซื้อฝากก็เลิศ พร้อมบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม ทำอย่างไรให้ขนมไทยออกมารสชาติดี ถูกปากคนทุกวัย~ จุดเริ่มต้นของ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง”      จุดเริ่มต้นของร้านเราเกิดจากการที่อาม่าเป็นคนชอบทำขนมไทย พอดีได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญของเพื่อนบ้าน อาม่าก็ชอบสังเกตและลองทำตามให้ลูกหลานได้ลองชิมกัน พอได้ลองชิมแล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รสชาติดี” อากง อาม่าเลยตัดสินใจเปิดร้านขนมไทย โดยเปิดสาขาแรกที่ตลาด อ.ต.ก. ในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งที่มาของชื่อ “เก้าพี่น้อง” นั้น เป็นเพราะว่าทางอากง อาม่ามีลูกอยู่ 9 คน ก็เลยเอาจำนวนของลูก ๆ มาตั้งเป็นชื่อร้าน เป็นที่มาของชื่อ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง” นั่นเอง “เน้นความสดใหม่ ใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ไม่ใส่สาร ปลอดภัยต่อผู้บริโภค”  จุดเด่นของทางร้านที่เราเน้นเสมอ อย่างแรกเลยคือ ขนมของเราจะทำสดใหม่ทุกวัน เราผลิตวันต่อวัน ไม่มีขนมค้างสต๊อกแน่นอน อย่างที่สองคือเรื่องของมาตรฐานความสะอาด เราใส่ใจในความสะอาดของทุกขั้นตอนการผลิต และเรื่องของวัตถุดิบ เราคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานเพื่อนำมาผลิตขนม อย่างสุดท้ายทางร้านจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทางร้านจะไม่ใส่สารกันเสียหรือวัตถุกันเสียใด ๆ ขนมไทยเมนูเด็ด ห้ามพลาด!      สาวกขนมไทยห้ามพลาดกับเมนูเด็ดของทางร้าน อย่าง ลูกชุบ, ขนมชั้นหวานน้อย, ตะโก้กวนใหม่ทุกวันหอมมันกะทิสด ๆ หรือจะเป็นขนมเทียนไส้มะพร้าวหวานหอมกลมกล่อม อีกทั้งขนมเทียน ข้าวต้มมัด ฯลฯ บอกเลยว่าร้านเรามีขนมไทยให้เลือกเยอะมาก แนะนำให้เข้ามาเลือกชมด้วยตัวเอง รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือเพียบ! “เคล็ดลับของเราอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน”      เป็นที่รู้กันว่าขนมไทยส่วนมากมักจะมีรสชาติค่อนข้างหวานมากอยู่แล้ว แต่สูตรของทางร้านเราเรียกได้ว่าทำมาอย่างพอดีพอเหมาะ มีความหอมมัน ได้กลิ่นของน้ำตาลอ้อยผสมน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำขนมไทยหลายอย่าง เช่น ขนมโคน้ำ ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก รวมไปถึงขนมเปียกปูน เป็นต้น     แน่นอนว่าที่ได้ขนมไทยรสชาติหวานละมุน กลมกล่อมได้แบบนี้ เป็นเพราะทางร้านเลือกใช้ “น้ำตาลอ้อยผสมมะพร้าวของมิตรผล” ให้รสชาติที่หวานเข้มข้นกลมกล่อม ได้ความหอมจากหวานจากน้ำตาลมะพร้าว เหมาะกับการทำเมนูขนมหวาน ก่อนหน้านี้เราลองใช้น้ำตาลมะพร้าวทั่วไปมาแล้วหลายเจ้า ทั้งร้านตามตลาดขายส่ง หรือบุกไปซื้อถึงสวนเองเลยก็มี แต่ด้วยความที่ร้านเราผลิตขนมในปริมาณมาก เราต้องการน้ำตาลที่ได้รสชาติมาตรฐาน มีความสม่ำเสมอ ไม่หวานแหลมจนเกินไป น้ำตาลมิตรผลจึงตอบโจทย์สุด เพราะได้น้ำตาลที่มีเนื้อเนียน ละลายง่าย ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ได้รสชาติหวานมันกลมกล่อมหอมมะพร้าวและหวานสม่ำเสมอ …

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน อากาศร้อน ๆ เดินตะลุยกินเยาวราชทั้งที จัดเต็มทั้งของคาว ของกินเล่น แล้วห้ามพลาด! กับของหวานร้านเด็ดที่จะเติมความหวาน เพิ่มความสดชื่นอย่าง “อาอี๊ หวานเย็น” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์จีนแท้ ๆ กับเมนูเด็ดอย่าง “เชงทึงหมี่หวาน” ของหวานจีนแต้จิ๋วโบราณหากินยาก ให้เครื่องแน่นจนอิ่มจุก แถมยังมีเมนูเด็ดไม่เหมือนใคร ทำให้ใครผ่านไปมาต้องลองชิม! วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักอาอี๊ หวานเย็นให้มากขึ้น พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม กินแล้วหอมเย็นชื่นใจ~ จากของหวานโรงเจสู่อาอี๊ หวานเย็น  ตอนนี้เราก็อยู่กับอาอี๊พิม เจ้าของร้านอาอี๊ หวานเย็น ตำนานน้ำแข็งไสสไตล์จีน หากินยาก! ซึ่งอาอี๊ก็ได้เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นร้านหวานเย็น ว่าเมื่อก่อนอาอี๊ หวานเย็นเริ่มขายครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 ตั้งร้านอยู่ที่โรงเจโจวซือกง ย่านตลาดน้อย ใน 1 ปี จะขาย 10 วันเท่านั้นก็คือช่วงเทศกาลกินเจ ทีนี้ลูกค้ากินแล้วติดใจ เรียกร้องอยากให้ร้านเราเปิดขายทั้งปี เราก็เลยตัดสินใจรวมตัวพี่น้องทุกคนและออกมาเปิดร้านขายที่ริมถนนเยาวราช “อาอี๊ หวานเย็น” มาจากการที่ลูกเรียกแม่ว่า “อาอี๊” แน่นอนว่าครอบครัวของเราเป็นคนจีน ชื่อร้านจึงมาจากคำที่ลูกเรียกแม่ ซึ่งในภาษาจีนคือคำว่าว่า “อาอี๊” นั่นเอง และ “เชงทึง” แปลว่าน้ำใส เป็นคำโบราณของภาษาจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันรู้จักกันดีในคำว่า “เต้าทึง” นั่นเองค่ะ เปิดประสบการณ์กิน “หมี่เย็น” กับเมนูเด็ด “เชงทึงหมี่หวาน” นึกถึงเส้นบะหมี่ก็ต้องกินตอนร้อน อาอี๊หวานเย็นเปิดประสบการณ์ใหม่กิน “บะหมี่เย็น” กับเมนูไฮไลต์ของร้านอย่าง “ชงทึงหมี่หวาน” อย่างที่บอกไปค่ะทุกคนว่าเชงทึงคือน้ำแข็งไส เพราะฉะนั้นชงทึงหมี่หวาน คือ น้ำแข็งไสสไตล์จีนใส่บะหมี่นั่นเอง ซึ่งความพิเศษไม่เหมือนใครของอาอี๊ หวานเย็นอยู่ที่ “บะหมี่” ซึ่งบะหมี่ของที่ร้าน ไม่ได้ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำด่าง เส้นนุ่ม สำหรับเมนูเชงทึงหมี่หวาน ถ้ากินเย็นเส้นจะมีความเหนียวนุ่ม แต่ถ้ากินตอนร้อนเส้นจะนุ่ม มีความหอมของหมี่ ที่สำคัญยังจัดเต็มเครื่องแน่นด้วยกันถึง 9 อย่างและแป้งอีก 3 อย่าง บอกเลยว่าเป็นเมนูที่ใครลองก็ติดใจ! เคล็ดลับความหวานของอาอี๊ หวานเย็น บอกก่อนว่าอาอี๊เป็นคนเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกขั้นตอนเราค่อนข้างพิถีพิถัน เชื่อมเอง ต้มเองทุกอย่าง อย่างเรื่องวัตถุดิบ เราเลือกใช้ของสดใหม่และคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติมาตรฐาน และที่เชงทึงของเรารสชาติหวานกลมกล่อมได้แบบนี้ เพราะว่าเราใช้น้ำตาลอ้อยและน้ำตาลทรายแดงของมิตรผล ที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไปและสีสันที่น่ากิน รวมถึงกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% เคล็ดลับความหวานอยู่ที่เราใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลต้มกับน้ำลำไย เริ่มจากการเอาลำไยไปต้มกับน้ำร้อนให้เดือดก่อน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และเคี่ยวให้น้ำตาลทรายแดงซึมเข้าเนื้อสักพัก เมื่อได้ที่แล้ว จะปล่อยให้เย็นตัวแล้วนำมาเสิร์ฟขายหน้าร้าน ซึ่งน้ำลำไยนี่แหละคือหัวใจหลัก ที่เราจะใส่ลงในเชงทึงหมี่หวาน เพื่อให้มีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม กินแล้วหวานเย็นชื่นใจ นอกจากนี้เรายังใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลใส่ลงไปในเมนูอื่น …

พามารู้จักร้านดัง “Custard Nakamura ” เบเกอรี่ร้านดังย่านสุขุมวิท จัดเต็มหลากหลายขนมปังสุดน่ากิน แถมราคาโดนใจ ชื่อนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี หลายคนคงอาจจะเคยเจอความผิดพลาดในการทำเบเกอรี ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ อุณหภูมิการอบ หรือการเลือกใช้วัตถุดิบอย่าง “น้ำตาล” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบเกอรีไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส   การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยเรื่องความคงตัวและขึ้นฟู เก็บความชุ่มชื้น ชูรสชาติ และทำให้สีสันสวยงามน่ารับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและรสชาติที่โดดเด่น น้ำตาลเบเกอรีมีความสำคัญอย่างไร น้ำตาลที่ใช้ในเบเกอรีมีหลายชนิดและมีความแตกต่างกัน ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนกัน โดยน้ำตาลสำหรับทำเบเกอรีจะมีความเนียนละเอียดมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละลายช้าในขนม, การขึ้นฟูไม่เต็มที่ หรือเนื้อขนมไม่เนียน อบแล้วเกิดรอยร้าว ซึ่งหากเลือกใช้น้ำตาลที่ถูกประเภทก็จะสามารถช่วยลดปัญหาในการทำเบเกอรีได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักคุณสมบัติของน้ำตาลเบเกอรีทั้ง 3 ประเภทกันค่ะ 1. น้ำตาลเบเกอรี (Caster Sugar) น้ำตาลเบเกอรี คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นเกล็ดละเอียด จึงสามารถผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาในการตีส่วนผสม ทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม เนื้อเค้กขึ้นฟูเร็วขึ้น รี่ซึ่งมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้   ปัญหาเนื้อชิฟฟ่อนเกิดจุดสีน้ำตาล เกิดจากการที่น้ำตาลทรายปกติผสมกับแป้งไม่ดีพอ การใช้น้ำตาลเบเกอรีจะลดขั้นตอนในการผสม โดยที่ไม่ต้องเอาน้ำตาลไปปั่นก่อน ปัญหาทำเมอแรงก์สำหรับผสมในเนื้อเค้ก หากการตีน้ำตาลที่เกล็ดใหญ่เกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการตีกับไข่ขาวนาน ซึ่งมีผลทำให้เค้กแข็งและเป็นรูภายในได้ ปัญหาเค้กไม่เนียน แข็งหรือแห้งเกินไป หากใช้น้ำตาลเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งขึ้นฟูได้เร็วขึ้น 2. น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี (Brown Sugar for Bakery) น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี คือน้ำตาลทรายแดงที่ผ่านกระบวนการร่อนจนได้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด สะดวก พร้อมใช้งาน หมดปัญหาการจับตัวกันเป็นก้อน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ ให้รสชาติหวานละมุน ช่วยให้เบเกอรีมีสีน้ำตาลสวยน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาเมนูบราวนี่ที่มีรสชาติหวานแหลมจนเกินไป เพราะต้องใช้ปริมาณน้ำตาลเยอะเพื่อความชุ่มฉ่ำและการขึ้นฟิล์ม หากใช้น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยคงความชุ่มฉ่ำและช่วยให้รสชาติหวานละมุนกำลังดี ปัญหาเมนูทาร์ตที่เนื้อไม่กรอบร่วน น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งกรอบร่วนตามที่ควรจะเป็น ปัญหาการอบคุกกี้ให้ได้สีน้ำตาลสวย แต่ไม่เป็นแบบที่ตั้งใจจากการเลือกใช้น้ำตาลผิดประเภท ทำให้ใช้เวลาในการอบนานเกินไปและกลายเป็นคุกกี้ไหม้ น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยเรื่องสีและกลิ่นของคุกกี้ 3. น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) น้ำตาลไอซิ่ง คือน้ำตาลทรายขาวที่ทำการบดหรือปั่นอย่างละเอียด ผสมกับแป้งมันสำปะหลัง เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ในอดีตนิยมนำมาใช้ในการโรยตกแต่งหน้าเบเกอรี เช่น เค้ก, ขนมปัง, และโดนัท แต่ปัจจุบันน้ำตาลไอซิ่งเริ่มมีบทบาทในการทำเบเกอรีมากขึ้น สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหรือวิปปิ้งครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เพื่อให้ครีมตั้งรูป มีความคงตัวมากขึ้น หรือผสมในเนื้อคุกกี้หรือทาร์ต เพื่อช่วยเพิ่มความกรอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาการอบมาการองที่ขึ้นทรงได้ไม่ดี หากใช้น้ำตาลไอซิ่ง จะช่วยตั้งทรงให้ขามาการองขึ้นรูปได้ดีขึ้น ปัญหาการละลายช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งหน้าเค้ก บางครั้งจะออกมาเหลวจนเกินไป การใช้น้ำตาลไอซิ่งเข้าไปผสมด้วยจะทำให้ตัวซอสช็อกโกแลตจับตัวอยู่บนหน้าเค้กได้ดีขึ้น เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เอามาฝากกัน หวังว่าจะช่วยให้หลายท่าน ได้ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับน้ำตาลเบเกอรีมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ให้ถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำทานเองในครัวเรือนหรือทำขายสำหรับกิจการของคุณได้อย่างไร้ปัญหาค่ะ

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร? หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ให้ได้รสชาติหวานคงที่และมีคุณภาพมาตรฐาน นั่นคือ น้ำเชื่อม เพราะเป็นตัวผสานความอร่อยของส่วนผสมต่างๆ ให้หวานกลมกล่อม ได้รสชาติที่ลงตัว แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกน้ำเชื่อมที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำเชื่อมให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจสงสัยว่า น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม แตกต่างจากน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็วอย่างไร เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 1. คุณสมบัติทั่วไปที่เหมือนกันของน้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม และน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีดังนี้ ให้ความหวานคงที่ สม่ำเสมอ ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดเวลาในการเตรียมน้ำเชื่อม ไม่ตกผลึก หรือกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาลอีก จัดเก็บง่าย และเก็บได้นาน 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น 2.คุณสมบัติทื่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีดังนี้ 3. คุณสมบัติของความคุ้มค่าในการใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปทั้ง 2 ชนิด มีดังนี้ คุ้มค่าเรื่องต้นทุน เพราะน้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ให้ความควานคงที่ มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าแก๊ส ค่าไฟ หากใช้ไม่หมดก็สามารถเก็บไว้ใช้งานต่อได้โดยไม่เสีย คุ้มค่าเรื่องเวลา น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว สามารถใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการงานส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ประเภทไหน ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์ได้ถูกคิดค้นสูตรมาเพื่อผู้ประกอบการ และการใช้งานจริง เพื่อให้ได้เมนูที่อร่อย รสชาติคงที่ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน