“ยศข้าวต้ม” รสจัดจ้าน ร้านอาหารขวัญใจคนนอนดึก

เมนูอาหารกินง่าย ต้องยกให้ข้าวต้มเป็นหนึ่งในนั้น วันนี้จะพาไปร้านข้าวต้มทีเด็ด ย่านลาซาล ร้านข้าวต้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดา “ยศข้าวต้ม” จัดเต็มเมนูให้เลือกจนตาลาย เรื่องรสชาติบอกเลยว่าเลิศ! แถมราคาไม่แพง ใครที่เคยกินก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าเด็ด ตามมาพูดคุยกับคุณกิ๊ฟ เจ้าของร้านยศข้าวต้มกันดีกว่าว่าทำยังไงให้ร้านยศข้าวต้มพิเศษกว่าร้านอื่น ๆ และมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ทุกเมนูอาหารถูกปากถูกใจคนทุกวัย “ยศข้าวต้ม” มีที่มาที่ไปอย่างไร? เป็นร้านข้าวต้มที่เปิดมาแล้ว 30 ปี ตั้งแต่ทำร้านเล็กจนขยายเป็นร้านใหญ่ ตอนนี้มี 4 สาขาแล้วค่ะ ตอนนี้เราก็รับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 2 โดยเราเพิ่งมารับช่วงต่อในช่วงโควิด ก็เลยเปิดต่อเนื่องมานาน ซึ่งร้านของเราเป็นร้านข้าวต้มรอบดึกค่ะ ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในย่านสถานบันเทิง ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากินก็จะเป็นสายเที่ยวกลางคืน ที่สำคัญอาหารของเรารสชาติถูกปากและราคาย่อมเยาอีกด้วยค่ะ เมนูเด็ดมา “ยศข้าวต้ม” แล้วต้องห้ามพลาด! เมนูเด็ดของร้าน ที่มาแล้วทุกคนต้องสั่งก็คือ ต้มไส้พะโล้, ต้มโคล้งปลาสลิด, เป็ดคั่ว, ซูเปอร์ขาไก่, หอยลายผัดพริกเผา, แกงส้มชะอมไข่กุ้ง ฯลฯ ต้องบอกเลยว่าเมนูเด็ดของร้านเรามีหลายอย่างมาก เพราะการที่เราเป็นร้านข้าวต้มต้องมีเมนูหลากหลาย ยิ่งเป็นร้านข้าวต้มมื้อดึกด้วยแล้ว ลูกค้าบางคนที่กลับจากบาร์หรือดื่มมา รสชาติอาหารเลยต้องจัด เพื่อให้กินกับข้าวต้มร้อน ๆ แล้วมันพอดี ต้องครบรส หวาน เค็ม เปรี้ยว ที่สำคัญต้องใช้วัตถุดิบในการปรุงที่สดใหม่ สะอาด และได้มาตรฐาน เคล็ดลับปรุงอาหารของร้านยศข้าวต้ม แน่นอนว่าในทุกเมนูอาหาร น้ำตาลถือเป็นส่วนสำคัญในการปรุง อีกหนึ่งเคล็ดลับของร้านเรา คือ เราเลือกใช้น้ำตาลอ้อยธรรมชาติจากมิตรผล ช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร ด้วยความที่น้ำตาลอ้อยธรรมชาติของมิตรผล  ผลิตจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านชีววิธีแทนการใช้สารเคมี ที่สำคัญคือสะอาด ปลอดภัย ให้รสชาติที่หวานกลมกล่อม ช่วยเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมอ้อยอ่อน ๆ ให้แต่ละเมนู ปรุงเมนูไหนก็เข้ากัน เรียกได้ว่าเป้นไม้ตายของร้านเราเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูยำหรือผัดก็ต้องใส่น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ อย่างเช่น ยำถั่วพู ยำปลาสลิด ไก่ผัดเม็ดมะม่วง กุ้งผัดผงกะหรี่ เป็นต้น บอกเลยว่าอาหารของร้านเรา ไม่ว่าจะเมนูไหนก็ต้องใช้น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ

อ่านบทความ

“ซ้งเป็ดพะโล้” เป็ดเนื้อแน่น น้ำพะโล้กลมกล่อมแบบเทน้ำหมดจาน

นึกอยากกินเป็ดพะโล้สักจาน พร้อมข้าวต้มและกับข้าวจัดเต็มกว่าร้อยอย่าง แน่นอนว่าต้องคิดถึง “ซ้งเป็ดพะโล้” เป็นอันดับแรก ตำนานเป็ดพะโล้ย่านวังหินที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปี เชื่อว่าใครได้ลองต้องติดใจไปกินซ้ำแน่นอนค่ะ แถมร้านเค้ายังเปิดดึกเอาใจคนหิวอีกด้วย วันนี้พามาดูเคล็ดลับของซ้งเป็ดพะโล้ พร้อมพูดคุยกับผู้จัดการร้าน ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ให้เป็ดพะโล้รสชาติกลมกล่อมและอยู่เป็นตำนานได้ขนาดนี้ ที่มาของซ้งเป็ดพะโล้  วันนี้เราอยู่กับคุณต๊ะ วินัย แซ่จิว ผู้จัดการร้านซ้งเป็ดพะโล้ อย่างที่รู้กันว่าที่มาของร้านนั้นเริ่มจากเฮียซ้งและเจ๊สั้นร่วมกันสร้างร้านนี้ขึ้นมา ซึ่งทีแรกมีแค่ 3-4 โต๊ะเท่านั้น จุดเริ่มต้นเมื่อก่อนสมัยก่อน เฮียซ้งอยู่นครปฐมที่บ้านรับจัดโต๊ะจีนอยู่แล้ว เลยมีความรู้เรื่องอาหารเรื่องเป็ดอยู่บ้าง เลยเริ่มจากการขายอาหารตามสั่งจนเปลี่ยนมาเป็น “เป็ดพะโล้” ในที่สุด ตอนนี้ซ้งเป็ดพะโล้ก็มีหลายสาขาด้วยกัน ได้แก่ สี่แยกวังหิน ลาดพร้าว 82 ,สายไหม, ทาวน์อินทาวน์, สามย่าน, พระราม 2, ทองหล่อ และสุขุมวิท 99 เมนูเด็ดห้ามพลาด! ส่วนใหญ่เมนูที่มาร้านซ้งเป็ดพะโล้แล้วต้องสั่ง ที่เป็นที่นิยมเลยก็จะเป็นเป็ดพะโล้และกับข้าวหลายอย่างกว่าร้อยชนิด ปัจจุบันนี้ลูกค้าก็เยอะมากขึ้น ที่ลูกค้านิยมสั่งกันเยอะอยู่ตลอดอย่าง เป็ดพะโล้ พลาดไม่ได้เลยคือซูเปอร์ขาไก่และไข่ยู่ยี่, ใบเหลียงผัดไข่, ต้มยำหัวปลา, ปูผัดผงกะหรี่ ลูกค้ากินแล้วจะบอกต่อกันตลอดว่ากับข้าวเรารสชาติดี เมื่อก่อนถ้าใครเคยกินซ้งเป็ดพะโล้ ร้านเราจะมีปัญหาในเรื่องอาหาร บางทีเราอาจจะมีเสิร์ฟช้าบ้าง แต่พอได้รับฟีดแบ็คจากลูกค้า ทางเราก็เลยนำไปปรับปรุงเปลี่ยนระบบใหม่ ทำให้เราเสิร์ฟได้เร็วขึ้น ลูกค้าได้รับกับข้าวไวขึ้น เพียงนั่งรอ 10-15 นาที ลูกค้าก็จะทยอยรับอาหารที่สั่งไว้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าของร้านเราก็จะมีหลากหลายแบบด้วยกัน มีทั้งมากันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนมาเพื่อดื่มสังสรรค์กันก็มี หรือจะเป็นลูกค้าสัญจรที่เขาผ่านไปมาก็มีเยอะ เคล็ดลับตำนาน “เป็ดพะโล้”  ถ้าพูดถึงเป็ดพะโล้ ร้านข้าวต้มส่วนใหญ่ก็จะมีเป็นเมนูประจำอยู่แล้ว แต่ “เป็ดพะโล้” ของร้านเราจัดว่าเป็นเมนูเด็ดจนสามารถนำไปตั้งเป็นชื่อร้านได้ ขอบอกเลยว่าการทำเป็ดพะโล้ให้ได้รสชาติดีนั้น ต้องใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเป็ด ซึ่งร้านเราใช้เป็ดเชอร์รี่ที่คัดมาแล้วว่าต้องเป็นไซซ์เดียว ขนาดเดียวกัน ที่สำคัญต้องสดใหม่และสะอาด แน่นอนว่าเป็ดพะโล้ หัวใจสำคัญอยู่ที่เครื่องพะโล้ที่ถูกปรับปรุงสูตรจนลงตัวให้ได้เป็ดเนื้อนุ่ม และน้ำที่หวานหอม รสชาติดี ซึ่งรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำเป็ดพะโล้ร้านเราอยู่ที่น้ำเป็ดพะโล้จะออกหวานและเค็มอยู่นิดหน่อย ส่วนเป็ดถูกต้มจนเนื้อนุ่ม ไม่เหนียวเท่าไหร่ ส่วนเคล็ดลับที่สำคัญในการปรุงน้ำเป็ดพะโล้นั้น เราเลือกใช้ “น้ำตาลปี๊บของมิตรผล” ในการปรุงรส ซึ่งผลิตมาจากน้ำตาลอ้อยผสมกับน้ำตาลมะพร้าว ทำได้รสชาติที่หวานกลมกล่อม ด้วยความที่น้ำตาลปี๊บของมิตรผล มีเนื้อสัมผัสที่เนียน ใช้ง่าย ละลายง่าย ไม่แยกชั้น ที่สำคัญให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐานทุกถุง แถมยังให้สีน้ำพะโล้ที่ดูสวย เคยลองเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลของที่อื่นดูแล้ว ไม่เวิร์กเท่าน้ำตาลปี๊บของมิตรผล จึงทำให้สูตรของร้านเราคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

อ่านบทความ

จดเลย 5 สูตร เมนูอาหารง่าย ๆ ทำขายออนไลน์ได้ที่บ้าน

แบ่งปันสูตร 5 เมนูอาหารง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากทำขายออนไลน์ ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงแค่มีวัสดุคุณภาพก็สามารถขายได้ สนใจคลิกอ่านเลย

อ่านบทความ

ทริกลับสูตรเบเกอรีโฮมเมด! เลเยอร์เค้กปราบเซียนที่ใครก็ทำได้

ทริกลับสูตรเบเกอรีโฮมเมด! เลเยอร์เค้กปราบเซียนที่ใครก็ทำได้ เผยเคล็ดลับสุดโปรที่นักทำขนมมืออาชีพใช้! ตัวช่วยเปลี่ยนเมนู “เลเยอร์เค้กปราบเซียน” ให้กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด พร้อมยกระดับรสชาติสูตรเบเกอรีโฮมเมดแบบธรรมดา ให้อร่อยได้เหมือนมีมืออาชีพมาทำให้กินเองถึงบ้าน ใครพร้อมลงครัว ก้าวข้ามความท้าทายของเมนูปราบเซียนนี้แล้ว ห้ามพลาดเทคนิคไม่ลับ ที่จะมาเฉลยพ้อยท์ลับของเนื้อเค้กนุ่ม ชุ่มฉ่ำ พร้อมประกอบร่างได้ง่าย ราวกับจัดวาง! 4 จุดพลาดที่ทำให้เลเยอร์เค้ก “พัง” ก่อนจะไปดูเทคนิคการทำเลเยอร์เค้กให้ถอดแบบได้ตามสูตรเบเกอรีโฮมเมดนั้น ต้องทำความเข้าใจจุดผิดพลาดที่เป็นสาเหตุความ “พัง” ของชั้นเค้กให้เข้าใจเสียก่อน จะได้รับมือถูกว่าส่วนไหนที่ต้องระวัง พร้อมฝึกปรือฝีมือไปกับขั้นตอนการทำเลเยอร์เค้กที่สมบูรณ์แบบ จุดพลาดที่ 1 : วางชั้นเค้กไม่สม่ำเสมอ ชั้นเค้กที่ดูไม่สม่ำเสมออาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นไม่ความชำนาญในการวางชั้นเค้ก, ความไม่สมบูรณ์ของรูปทรงที่เกิดจากปัญหาเนื้อเค้กยุบ ตลอดจนปัญหาเนื้อเค้กแห้งกระด้าง และการถอดพิมพ์เค้ก ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้การประกอบร่างเลเยอร์เค้กมักไม่สมดุล จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการโค่นล้มสูง อย่างไรก็ตาม จุดผิดพลาดดังกล่าวก็มีวิธีแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ไม้ปลายทู่ดามเนื้อเค้ก ซึ่งทริกนี้ก็ปรากฏอยู่ในสูตรเบเกอรีโฮมเมดมากมายในปัจจุบัน แถมยังเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถครอบคลุมไปยังต้นเหตุของความผิดพลาดได้อย่างแท้จริง จุดพลาดที่ 2 : ตัดชั้นเค้กในขณะที่ยังอุ่น หลายครั้งที่ความผิดพลาดของเชฟขนมหวานมือใหม่มักเกิดมาจาก “ความใจร้อน” รีบเร่งที่จะไปสู่ขั้นตอนถัด ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูเค้กที่ต้องอาศัยความใจเย็น ป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก อาทิ อุณหภูมิหลังอบที่สำคัญต่อเนื้อเค้ก หากเร่งหั่นเพื่อแบ่งชั้นโดยทันที ในขณะที่ยังมีความอุ่น สิ่งที่จะตามมาคือ การแตกและรุ่ยของเนื้อเค้ก ซึ่งจะส่งผลต่อการประกอบเลเยอร์อย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อที่จะลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดนี้ เพียงแค่ถอดวิธีทำตามขั้นตอนในสูตรเบเกอรีโฮมเมดแบบเป๊ะ ๆ ทุกตัวอักษร โดยห้าม “ละเลย” แม้แต่ขั้นตอนเดียว ขั้นตอนไหนที่จำเป็นต้องรอก็ควรรอ ขั้นตอนไหนสามารถดำเนินการต่อก็ลุยได้เลยทันที เพียงเท่านี้ก็จัดการปัญหาเนื้อเค้กแตกรุ่ยจากอุณหภูมิและการผสมที่ผิดพลาดได้อย่างง่ายดาย จุดพลาดที่ 3 : ชั้นครีมไม่เกาะตัวเค้ก รู้ไหมว่าฟรอสติ้งครีม หรือเนื้อครีมเคลือบขนมเค้กที่มีทั้งแบบวิปครีม บัตเตอร์ ครีมชีส และช็อกโกแลตกานาซ ซึ่งนอกจากให้ความอร่อยแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเชื่อมยึดระหว่างชั้นเค้กให้เกิดการบาลานซ์ที่สมดุล จึงไม่แปลกที่ข้อผิดพลาดหลาย ๆ ครั้ง มักจะเกิดจากการไม่เกาะตัวของเนื้อครีม จนทำให้เค้กโค่นหรือล้มลงมาได้ ซึ่งการที่ครีมฟรอสติ้งไม่สามารถเกาะเนื้อเค้กได้นั้น เกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากชั้นเค้กที่ไปทำให้เนื้อครีมนิ่มและเหลวตัวลง ตลอดจนความแห้งและกระด้างของเนื้อเค้กที่เกิดจากความผิดพลาดของส่วนผสมในสูตรเบเกอรีโฮมเมดที่เลือกใช้ ตลอดจนเวลาในการอบที่นานเกินไป ซึ่งก็สามารถแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการพรมน้ำเชื่อมเพิ่มความชุ่มชื้นแทน จุดพลาดที่ 4 : ไม่รู้เทคนิคการปาดครีมเค้ก ในส่วนนี้อาจแบ่งได้เป็น 2 ข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการปาดครีมเค้ก ได้แก่ ครีมชั้นใน และครีมชั้นนอก ซึ่งทั้งสองส่วนต่างก็มีความสำคัญในการพยุงเลเยอร์เค้กด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่มีวิธีบอกเทคนิคการทำแบบลงลึกในสูตรเบเกอรีทั่ว ๆ ไป เนื่องจากเป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการฝึกปรือ เทคนิคการปาดครีมชั้นใน : สำหรับสูตรเบเกอรีโฮมเมดที่เน้นรสชาติเค้กไปทางความบางเบา ความสดชื่นจากแยมหรือเนื้อผลไม้ เนื้อครีมชั้นในควรปาดและสร้างเอาไว้เพื่อใส่ไส้ใน แทนการปาดแยมลงไปทับหรือวางเนื้อผลไม้ทันที เนื่องจากจะทำให้เกิดความไม่สมดุล จนทำให้เค้กล้มได้ …

อ่านบทความ

ไขความลับสูตรเบเกอรี่โฮมเมดด้วย Invert Sugar อร่อยชุ่มฉ่ำ ตรงปก

หลายครั้งที่อบขนมตามสูตรเบเกอรี่โฮมเมดแล้วผลลัพธ์ไม่ได้ดั่งใจ ทั้ง ๆ ที่ใช้ส่วนผสมตามสูตร ลองทางเลือกใหม่ด้วยน้ำเชื่อม Invert Sugar ทางลัดสูตรอร่อย

อ่านบทความ

เผย 5 เคล็ดลับเปิดร้านชาไข่มุกให้ขายดีได้โดยไม่พึ่งแฟรนไชส์

5 เทคนิคเปิดร้านชาไข่มุก พิชิตยอดขาย ไม่ต้องพึ่งแฟรนไชส์ ต้องยอมรับว่าชาไข่มุกคือเครื่องดื่มยอดนิยมของวัยรุ่นและวัยทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่การเปิดร้านชาไข่มุกจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน แต่การซื้อแฟรนไชส์ร้านชาไข่มุกต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นการเปิดร้านชานมไข่มุกด้วยตัวเองคงเป็นทางออกที่ดี ถึงแม้จะใช้เวลาเตรียมการมากกว่าการซื้อแฟรนไชส์สักหน่อย แต่การเปิดร้านชานมไข่มุกแบบไม่ง้อแฟรนไชส์ จะทำให้คุณสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ว่าการออกแบบโลโก้ รูปแบบร้าน รวมไปถึงการรังสรรค์เมนู ก็สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองได้อย่างเต็มที่  รวมถึงสามารถเลือกวัตถุดิบได้เอง ไม่จำเป็นต้องใช้แต่วัตถุดิบที่ถูกกำหนดมาจากทางแฟรนไชส์เท่านั้น บทความนี้มี 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถเปิดร้านชานมไข่มุกให้ขายได้โดยไม่พึ่งแฟรนไชส์มาบอกกัน 5 เทคนิคเปิดร้านชาไข่มุก สร้างแบรนด์ด้วยตนเอง 1. วางแผนการลงทุนให้ดี คำนวณต้นทุนอย่างถี่ถ้วน ในการเริ่มต้นธุรกิจสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การวางแผนการลงทุนให้ดี ต้องรู้ว่ามีเงินสำหรับเป็นค่าร้านเท่าไร เพื่อที่จะออกแบบร้านให้พอเหมาะกับเงินทุนที่มี แต่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซปต์ของร้านอย่างที่ตั้งใจสำหรับอุปกรณ์ภายในร้านและอุปกรณ์ในการชงชา ควรเลือกซื้อของมีคุณภาพแต่ราคาไม่แพง และหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อในอนาคตต้องซื้อเพิ่ม เปลี่ยนใหม่ หรือซ่อมแซมจะได้ไม่ยุ่งยากนอกจากนี้ ยังมีค่าวัตถุดิบ อีกหนึ่งต้นทุนสำคัญที่ต้องคำนวณอย่างระมัดระวังมากที่สุด โดยต้องดูว่าค่าวัตถุดิบที่ต้องซื้อในแต่ละครั้งเป็นเท่าไร ในการซื้อวัตถุดิบหนึ่งครั้งสามารถชงชาไข่มุกได้กี่แก้ว และต้องคำนึงถึงการสต็อกวัถุดิบด้วย เพื่อป้องกันการซื้อวัตถุดิบมาเยอะเกินความจำเป็น แล้วสุดท้ายหมดอายุ กลายเป็นของเสียและต้องทิ้งไปในที่สุด จนกลายเป็นเงินทุนที่จมลงไปอย่างเปล่าประโยชน์  2. เลือกทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้ง เพื่อเปิดร้านชาไข่มุก สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ คือ กลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร เพราะทำเลที่ตั้งที่จะเลือกนั้น ควรอยู่ใกล้กลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น– กลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน ก็ควรเลือกที่ตั้งร้านในย่านที่มีตึกออฟฟิศให้เช่า หรือย่านธุรกิจที่ตั้งของสำนักงานต่าง ๆ– กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ก็ควรเลือกตั้งร้านใกล้กับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแหล่งที่วัยรุ่นมักไปแฮงก์เอาต์กัน–  กลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัว ก็ควรเลือกตั้งร้านในหรือใกล้หมู่บ้าน ใกล้ตลาด หรือในแหล่งชุมชนเหตุผลที่ต้องเลือกทำเลที่ตั้ง เพื่อเปิดร้านชาไข่มุกตามกลุ่มเป้าหมายหลักก็เพราะว่าตอนที่คุณเปิดร้าน กลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะเป็นคนแรก ๆ ที่มาลองชิมเครื่องดื่มของคุณ ถ้ารสชาติของเครื่องดื่มอร่อยถูกใจและถูกปากลูกค้าก็จะทำให้เกิดการบอกต่อ และฐานลูกค้าก็จะขยายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น 3. รสชาติคือหัวใจ เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ สำหรับการเปิดร้านขายอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าหัวใจสำคัญคือเรื่องรสชาติ เพราะถึงคุณมีหน้าร้านสวย ราคาถูก แต่รสชาติไม่ดี ก็เป็นไปได้ยากที่จะเปิดร้านได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเปิดร้านชาไข่มุก ที่มีจำนวนคู่แข่งค่อนข้างมาก สิ่งที่จะทำให้คุณเอาชนะคู่แข่งได้นั่นก็คือ รสชาติที่ดี และการสร้างสรรค์เมนูที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นนั่นเองการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาไข่มุกของร้านมีรสชาติที่โดดเด่นแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นผงชา เม็ดไข่มุก ควรเลือกยี่ห้อที่ได้รับความนิยม หรือเป็นที่ยอมรับ และที่สำคัญในการชงชา ควรเลือกใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาล  เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และระดับความหวานที่คงที่ ซึ่งเราขอแนะนำน้ำเชื่อมมิตรผล 2 สูตร ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งแต่ละสูตรต่างสร้างรสสัมผัสให้ชาที่แตกต่างกันออกไป– น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม มีสีใส ช่วยทำให้เนื้อสัมผัสทุกเมนูเนียนนุ่ม จึงเป็นที่นิยมสำหรับการนำไปทำเมนูเครื่องดื่ม มีระดับความหวานคงที่ และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าน้ำเชื่อมแบบปกติ–  น้ำเชื่อมโกลเด้น ไซรัป เกิดจากน้ำเชื่อมมิตรผลสูตรดั้งเดิมมาผสมกับน้ำเชื่อมจากอ้อยธรรมชาติ ทำให้มีสีทองช่วยเพิ่มสีสันให้เมนูเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังมีกลิ่นหอมและรสชาติจากอ้อยธรรมชาติ และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าน้ำเชื่อมแบบปกติอีกด้วย 4. สร้างจุดขาย สร้างแบรนด์ให้สุดปัง อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่าร้านชาไข่มุกเป็นที่นิยมของทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน …

อ่านบทความ

3 สูตรน้ำยำเงินล้าน! พื้นฐานความอร่อยรสเด็ด ต่อยอดได้หลายเมนู

แจกสูตรน้ำยำเงินล้าน แกะรอยความอร่อยร้านดังพร้อมโกยกำไร อร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ แถมสร้างรายได้แบบไม่พัก! นิยามนี้ต้องมอบให้แก่ “เมนูสารพัดยำ” ที่กอบโกยกำไรจากกลุ่มลูกค้าสายอาหารรสแซ่บ ด้วยความนัวของรสชาติที่กลมกล่อม จึงไม่แปลกที่เมนูยำกลายเป็นกระแสฮิตติดลมบน วันนี้มิตรผลเลยอดใจไม่ไหว ต้องขอหยิบสูตรน้ำยำเงินล้านมาบอกต่อ จะทำกินเองที่บ้านก็ดี จะทำขายก็ปังแน่นอน “น้ำตาลเคี่ยว” เคล็ดลับความอร่อยของทุกสูตรน้ำยำ ภายใต้ความอร่อยสูตรเด็ดของน้ำยำพื้นฐาน รู้ไหมว่ารสชาติกลมกล่อมนั้นมาจาก “น้ำตาลเคี่ยว” ที่ปรุงรสหวานเค็มได้อย่างสมดุล โดยทั่วไปจะใช้น้ำตาลโตนด แต่สูตรนี้จะใช้น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล ตัวช่วยลดระยะเวลาการเคี่ยว พร้อมปรุงรสได้อย่างกลมกล่อม หวานแบบคงที่  ด้วยสัดส่วนมาตรฐานที่สามารถวัดตวงได้จากการตักผสมนั่นเอง ส่วนผสม: น้ำตาลเคี่ยว น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล 300 กรัม น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง 50 มิลลิลิตร น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ: น้ำตาลเคี่ยว เทน้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำกระเทียมดอง และน้ำปลา เปิดเตาใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ปล่อยให้ส่วนผสมเริ่มละลายเข้ากันดี ต้มไปเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือด ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน หมั่นคนเรื่อย ๆ เคี่ยวต่อไป 45 นาที รอจนกลิ่นมะขามเปียกจางลง ปิดเตา รอจนเย็นสนิท ก่อนจะเก็บในภาชนะที่มิดชิด ใช้ได้นาน 3 สูตรน้ำยำพื้นฐาน : แกะรอยความอร่อยจากร้านดัง! ใครก็รู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ติดทานอาหารรสจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน กลมกล่อมแบบลงตัว ซึ่งอาหารประเภท “ยำ” ก็จัดได้ว่าเป็นเมนูที่มีครบทุกความอร่อยที่คนไทยมองหา แถมยังมีความหลากหลาย พลิกแพลงใส่วัตถุดิบได้ตามความต้องการได้อย่างลงตัว นี่คือเสน่ห์ของอาหารจานยำอย่างแท้จริง แต่กระแสฟีเวอร์ที่ทำให้คนหันมาทานยำกันทั่วไทยก็ไม่ได้มาจากความชอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สูตรน้ำยำที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของแต่ละร้านดังก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตรึงใจให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ แถมยังบอกต่อ และนี่คือ 3 สูตรน้ำยำพื้นฐานที่เราแกะรอยความอร่อยมาฝาก ทั้งยังปรับสูตรให้ง่ายขึ้นด้วยการใช้น้ำตาลเคี่ยวสูตรลัดจาก น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล  สูตร 1 : น้ำยำใส น้ำยำที่คุ้นเคยด้วยรสชาติที่เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน “เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด” ถือเป็นนิยามความอร่อยของสูตรน้ำยำแบบใสที่สามารถเข้ากันได้กับทุกวัตถุดิบ ส่วนผสม: น้ำยำใส (สำหรับ 1 ที่) พริกจินดาแดงซอย 8 เม็ด น้ำตาลเคี่ยว ½ ช้อนชา น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ: น้ำยำใส …

อ่านบทความ

“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม

“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม ความบังเอิญมักจะทำให้เราเจอร้านเด็ดอยู่เสมอ คราวนี้ก็เช่นกันค่ะ บังเอิญหาร้านกินข้าวเที่ยงในย่านปากซอยทองหล่อ เราเจอกับหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเด็ดร้านดังที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลองชิม! ก็คือร้าน “แซว” นั่นเอง ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดห้องแถว มีตู้ไม้ใส่เครื่องก๋วยเตี๋ยวตั้งเป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศร้านสไตล์จีนดั้งเดิม พร้อมกับคนแน่นอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มั่นใจเลยว่าร้านนี้เด็ดแน่นอน เชื่อว่าหลายคนที่เคยกินก็ต้องติดใจจนกลายเป็นร้านประจำ ตามมาพูดคุยกับทายาทรุ่นที่สามของร้านแซวกันดีกว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนาดนี้?! วันนี้เรามาพูดคุยกับคุณอัญชลี หรือคุณอัญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของเจ้าของร้านแซว คุณอัญก็ได้เล่าให้เราฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีก๋วยเตี๋ยวร้านแซวนั้นมาจากอากงที่มาจากจีน จากนั้นก็ส่งต่อจากอากงสู่รุ่นหลาน มีการปรับสูตรให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและคุณภาพแบบดั้งเดิม อาจจะเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวร้านแซวมีหลายสาขา ก็จะเป็นลูกหลานอากง เป็นพี่เป็นน้องของเราเองค่ะ เราไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะอยากรักษาสูตรและรสชาติให้คงเดิมไว้มากที่สุด เมื่อก่อนอากงเป็นคนคิดค้นสูตรให้ถูกใจลูกค้า เราจะเน้นเครื่องในหมู ตับหมู ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เราก็มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยตามเทรนด์สุขภาพมากขึ้น จะมีการใส่เนื้อปลาหรือลูกชิ้นปลาเพิ่มเข้ามา ทำให้ถูกใจลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้น หมูสับสูตรแซว น้ำซุปหวานกลมกล่อม กินร้านไหนก็ไม่เหมือน เชื่อว่าถ้าใครได้ลองกิน ก็ต้องติดใจหมูสับของเราค่ะ แน่นอนว่าจุดเด่นของร้านเราอยู่ที่หมูสับสูตรแซว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าช่วงวัยไหนทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้ใหญ่ก็จะชอบหมูสับของเรามาก เพราะว่าหมูสับของเราผ่านการหมักอย่างถึงเครื่อง ไม่ผสมแป้ง ไม่ผสมสารกันบูด ทำสดใหม่เสมอ ซึ่งในแต่ละวัน เราทำหมูสับในปริมาณที่เยอะมาก ทำให้ได้ความสดใหม่และคุณภาพดี หัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุป  นอกจากหมูแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “น้ำซุป” ที่เราคงคุณภาพมาตั้งแต่รุ่นอากง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบในการใช้ก็ดี หรือรสชาติของน้ำซุปก็ดีที่เป็นรสชาติต้นตำรับ ไม่ได้ปรุงแต่งเยอะ ใช้รสชาติแท้ ๆ ของกระดูกหมูกับเครื่องรากผักชีนิดหน่อย ทำให้น้ำซุปได้รสชาติหอม ซดแล้วคล่องคอ แน่นอนว่าหัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ถ้าน้ำซุปไม่เข้มข้น ไม่กลมกล่อม บอกได้เลยว่าอยู่ยาก ลูกค้าที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวร้านเราอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกใจน้ำซุป เคล็ดลับของน้ำซุปร้านเราอยู่ที่การเคี่ยวนาน และปรับสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น เราเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีอย่าง “น้ำตาลกรวดมิตรผล” เพราะน้ำตาลกรวดจะค่อยๆละลาย จะยิ่งขับรสชาติความอร่อยของกระดูกหมูออกมาได้หวานกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ เข้าถึงรสชาติมากกว่าน้ำตาลทั่วไป ซดเมื่อไหร่ก็คล่องคอ หวานกลมกล่อมพอดี เมนูเด็ด กินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ! สำหรับเมนูเด็ดที่ถูกใจลูกค้าและเข้ามากินบ่อยก็จะเป็นเส้นปลาต้มยำ ซุปหมูสับ หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ลูกค้าจะชมตลอดว่าน้ำซุปร้านเราถึงเครื่อง รสชาติเข้มข้น ถ้าใครมีโอกาสอยากให้แวะมาลองชิมกันค่ะ มีด้วยกันหลายสาขา ได้แก่ วัชรพล พระโขนง ทองหล่อ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปกินกันได้เลยค่ะ     

อ่านบทความ

“ขนมไทยเก้าพี่น้อง” จากขนมไทยในงานบุญ สู่ต้นตำรับกว่า 40 ปี

ขนมไทยเก้าพี่น้อง แน่นอนว่าเวลามีงานบุญ งานบวช ขาดไม่ได้เลยคือ “ขนมไทย” ที่มีหน้าตาประณีต สีสันที่สวยงาม และรสชาติหวานกลมกล่อม ที่สำคัญขนมไทยแต่ละชนิดยังมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันอีกด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเมนูขนมไทยสุดโปรดในดวงใจกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ บอกเลยว่าขนมไทยบางชนิดก็หากินยากมาก! แต่รับรองว่าหาได้!! เพราะวันนี้เราพามาบุกร้านขนมไทยเก้าพี่น้อง ต้นตำรับขนมไทยกว่า 40 ปี มีขนมไทยให้เลือกแบบจุใจ จะซื้อกินก็ดีหรือซื้อฝากก็เลิศ พร้อมบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม ทำอย่างไรให้ขนมไทยออกมารสชาติดี ถูกปากคนทุกวัย~ จุดเริ่มต้นของ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง”      จุดเริ่มต้นของร้านเราเกิดจากการที่อาม่าเป็นคนชอบทำขนมไทย พอดีได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญของเพื่อนบ้าน อาม่าก็ชอบสังเกตและลองทำตามให้ลูกหลานได้ลองชิมกัน พอได้ลองชิมแล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รสชาติดี” อากง อาม่าเลยตัดสินใจเปิดร้านขนมไทย โดยเปิดสาขาแรกที่ตลาด อ.ต.ก. ในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งที่มาของชื่อ “เก้าพี่น้อง” นั้น เป็นเพราะว่าทางอากง อาม่ามีลูกอยู่ 9 คน ก็เลยเอาจำนวนของลูก ๆ มาตั้งเป็นชื่อร้าน เป็นที่มาของชื่อ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง” นั่นเอง “เน้นความสดใหม่ ใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ไม่ใส่สาร ปลอดภัยต่อผู้บริโภค”  จุดเด่นของทางร้านที่เราเน้นเสมอ อย่างแรกเลยคือ ขนมของเราจะทำสดใหม่ทุกวัน เราผลิตวันต่อวัน ไม่มีขนมค้างสต๊อกแน่นอน อย่างที่สองคือเรื่องของมาตรฐานความสะอาด เราใส่ใจในความสะอาดของทุกขั้นตอนการผลิต และเรื่องของวัตถุดิบ เราคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานเพื่อนำมาผลิตขนม อย่างสุดท้ายทางร้านจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทางร้านจะไม่ใส่สารกันเสียหรือวัตถุกันเสียใด ๆ ขนมไทยเมนูเด็ด ห้ามพลาด!      สาวกขนมไทยห้ามพลาดกับเมนูเด็ดของทางร้าน อย่าง ลูกชุบ, ขนมชั้นหวานน้อย, ตะโก้กวนใหม่ทุกวันหอมมันกะทิสด ๆ หรือจะเป็นขนมเทียนไส้มะพร้าวหวานหอมกลมกล่อม อีกทั้งขนมเทียน ข้าวต้มมัด ฯลฯ บอกเลยว่าร้านเรามีขนมไทยให้เลือกเยอะมาก แนะนำให้เข้ามาเลือกชมด้วยตัวเอง รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือเพียบ! “เคล็ดลับของเราอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน”      เป็นที่รู้กันว่าขนมไทยส่วนมากมักจะมีรสชาติค่อนข้างหวานมากอยู่แล้ว แต่สูตรของทางร้านเราเรียกได้ว่าทำมาอย่างพอดีพอเหมาะ มีความหอมมัน ได้กลิ่นของน้ำตาลอ้อยผสมน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำขนมไทยหลายอย่าง เช่น ขนมโคน้ำ ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก รวมไปถึงขนมเปียกปูน เป็นต้น     แน่นอนว่าที่ได้ขนมไทยรสชาติหวานละมุน กลมกล่อมได้แบบนี้ เป็นเพราะทางร้านเลือกใช้ “น้ำตาลอ้อยผสมมะพร้าวของมิตรผล” ให้รสชาติที่หวานเข้มข้นกลมกล่อม ได้ความหอมจากหวานจากน้ำตาลมะพร้าว เหมาะกับการทำเมนูขนมหวาน ก่อนหน้านี้เราลองใช้น้ำตาลมะพร้าวทั่วไปมาแล้วหลายเจ้า ทั้งร้านตามตลาดขายส่ง หรือบุกไปซื้อถึงสวนเองเลยก็มี แต่ด้วยความที่ร้านเราผลิตขนมในปริมาณมาก เราต้องการน้ำตาลที่ได้รสชาติมาตรฐาน มีความสม่ำเสมอ ไม่หวานแหลมจนเกินไป น้ำตาลมิตรผลจึงตอบโจทย์สุด เพราะได้น้ำตาลที่มีเนื้อเนียน ละลายง่าย ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ได้รสชาติหวานมันกลมกล่อมหอมมะพร้าวและหวานสม่ำเสมอ …

อ่านบทความ

รู้จัก “น้ำตาลอ้อย” เคล็ดลับความหอมหวาน คู่จานอาหารไทย

1. ประวัติศาสตร์ “น้ำตาล” รู้หรือไม่ว่า “น้ำตาล” เครื่องปรุงให้รสหวานที่เป็นที่นิยมและขาดไม่ได้ในทุกครัวเรือนนั้น มีแหล่งกำเนิดที่ไกลจากประเทศไทย และชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก นั่นก็คือ หมู่เกาะปาปัวนิวกินี มาจากพืชชนิดหนึ่งนั่นก็คือ “ต้นอ้อย หรือ ต้นน้ำตาล” โดยชาวโพลีนีเซียนเป็นคนกลุ่มแรกที่รู้จักรสหวานจากน้ำตาลอ้อยและเพาะปลูกต้นอ้อยเมื่อราวๆ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นต้นอ้อย ก็ได้แพร่กระจายผ่านหมู่เกาะโซโลมอนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไปจรดยังอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกนั้นมนุษย์ได้ความหวานจากต้นอ้อยโดยการเคี้ยว ก่อนที่จะมีการค้นพบวิธีทำให้น้ำหวานของอ้อยตกผลึกเป็นน้ำตาลเกล็ด ซึ่งทำให้ง่ายต่อการขนส่งและการจัดเก็บมากยื่งขึ้น และคำว่า Sugar ที่เราคุ้นเคยกันนั้นก็ได้รากศัพท์มาจากคำว่า Sarkar ที่แปลว่าเกล็ด, เมล็ดเล็ก ๆ นั่นเอง และวันนี้เราขอพามารู้จักน้ำตาลอีก 1 ชนิดที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มาจากธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งน้อย นั่นก้คือน้ำตาลอ้อยธรรมชาตินั่นเอง มาดูกันว่าน้ำตาลอ้อยธรรมชาติมีกระบวนการผลิตที่คงความเป็นธรรมชาติอย่างไร 2. กระบวนผลิตน้ำตาล จากน้ำหวาน มาเป็น เกล็ดผลึก โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตน้ำตาลนั้นจะเริ่มจากการสกัดอ้อยสด จนได้ออกมาเป็นน้ำอ้อยเหมือนกัน ซึ่งกากอ้อยที่ผ่านการสกัดน้ำอ้อยออกแล้วจะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายอีกด้วย อย่างมิตรผล น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เมื่อผ่านกระบวนการสกัดจนได้น้ำอ้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการกรองจนได้น้ำอ้อยใสที่สะอาดไร้สิ่งเจือปน จากนั้นจะนำไปเข้ากระบวนการ ต้ม เคี่ยว ปั่น และอบแห้ง จนได้เป็นเป็นผลึกน้ำตาลที่คงความหอมหวาน คงสีสัน และยังคงคุณค่าจากอ้อยธรรมชาติไว้ 100% 3. แล้วน้ำตาลอ้อยธรรมชาติใช้ได้ในเมนูไหนบ้างล่ะ จริง ๆ แล้ว น้ำตาลอ้อยธรรมชาติให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายขาว แต่จะเพิ่มกลิ่นหอมและสีสันจากอ้อยธรรมชาติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เรียกว่าใช้แทนกันได้หลากหลายเมนู และโดยปกติแล้วถ้าพูดถึงการใช้น้ำตาลนั้น คนเรามักจะนึกถึงเมนูที่เป็นขนมหวาน ไม่ก็จะเป็นเครื่องดื่มที่เย็นชื่นใจ แต่อาหารคาวนั้น คนเรามักจะหลงลืมการให้ความสำคัญของน้ำตาลที่ทำหน้าที่ช่วยทำให้รสชาติของอาหารจานนั้น ๆ กลมกล่อมขึ้น ถ้าเราลองไม่ใช้น้ำตาลให้การปรุงอาหาร ก็อาจจะไม่เกิดรสชาติที่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น วันนี้เราขอเสนอเมนูที่เรียกได้ว่า ถ้าขาดน้ำตาลไปก็เหมือนขาดใจ และยิ่งถ้าได้เติมความกลมกล่อมด้วยน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ก็จะยิ่งเพิ่มสีสัน และความหอมจากอ้อยธรรมชาติ ชูความอร่อยให้ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นไปอีก สามชั้นต้มซีอิ๊ว พะโล้ไข่ยางมะตูม กะเพราหมูสับพริกแห้ง บัวลอยไข่หวานกะทิ (ขอเปลี่ยนเมนูเป็นกล้วยบวชชีหรือบัวลอยค่า) ขนมปังเนยน้ำตาล สามชั้นต้มซีอิ๊ว วัตถุดิบ 1. หมูสามชั้น 300 กรัม 2. น้ำตาลทรายธรรมชาติ ตรามิตรผล 3 ช้อนโต๊ะ 3. กระเทียม 3-5 กลีบ 4. รากผักชี 2 ราก 5. พริกไทย 10 กรัม 6. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา 7. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ 8. คะน้า …

อ่านบทความ

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน อากาศร้อน ๆ เดินตะลุยกินเยาวราชทั้งที จัดเต็มทั้งของคาว ของกินเล่น แล้วห้ามพลาด! กับของหวานร้านเด็ดที่จะเติมความหวาน เพิ่มความสดชื่นอย่าง “อาอี๊ หวานเย็น” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์จีนแท้ ๆ กับเมนูเด็ดอย่าง “เชงทึงหมี่หวาน” ของหวานจีนแต้จิ๋วโบราณหากินยาก ให้เครื่องแน่นจนอิ่มจุก แถมยังมีเมนูเด็ดไม่เหมือนใคร ทำให้ใครผ่านไปมาต้องลองชิม! วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักอาอี๊ หวานเย็นให้มากขึ้น พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม กินแล้วหอมเย็นชื่นใจ~ จากของหวานโรงเจสู่อาอี๊ หวานเย็น  ตอนนี้เราก็อยู่กับอาอี๊พิม เจ้าของร้านอาอี๊ หวานเย็น ตำนานน้ำแข็งไสสไตล์จีน หากินยาก! ซึ่งอาอี๊ก็ได้เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นร้านหวานเย็น ว่าเมื่อก่อนอาอี๊ หวานเย็นเริ่มขายครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 ตั้งร้านอยู่ที่โรงเจโจวซือกง ย่านตลาดน้อย ใน 1 ปี จะขาย 10 วันเท่านั้นก็คือช่วงเทศกาลกินเจ ทีนี้ลูกค้ากินแล้วติดใจ เรียกร้องอยากให้ร้านเราเปิดขายทั้งปี เราก็เลยตัดสินใจรวมตัวพี่น้องทุกคนและออกมาเปิดร้านขายที่ริมถนนเยาวราช “อาอี๊ หวานเย็น” มาจากการที่ลูกเรียกแม่ว่า “อาอี๊” แน่นอนว่าครอบครัวของเราเป็นคนจีน ชื่อร้านจึงมาจากคำที่ลูกเรียกแม่ ซึ่งในภาษาจีนคือคำว่าว่า “อาอี๊” นั่นเอง และ “เชงทึง” แปลว่าน้ำใส เป็นคำโบราณของภาษาจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันรู้จักกันดีในคำว่า “เต้าทึง” นั่นเองค่ะ เปิดประสบการณ์กิน “หมี่เย็น” กับเมนูเด็ด “เชงทึงหมี่หวาน” นึกถึงเส้นบะหมี่ก็ต้องกินตอนร้อน อาอี๊หวานเย็นเปิดประสบการณ์ใหม่กิน “บะหมี่เย็น” กับเมนูไฮไลต์ของร้านอย่าง “ชงทึงหมี่หวาน” อย่างที่บอกไปค่ะทุกคนว่าเชงทึงคือน้ำแข็งไส เพราะฉะนั้นชงทึงหมี่หวาน คือ น้ำแข็งไสสไตล์จีนใส่บะหมี่นั่นเอง ซึ่งความพิเศษไม่เหมือนใครของอาอี๊ หวานเย็นอยู่ที่ “บะหมี่” ซึ่งบะหมี่ของที่ร้าน ไม่ได้ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำด่าง เส้นนุ่ม สำหรับเมนูเชงทึงหมี่หวาน ถ้ากินเย็นเส้นจะมีความเหนียวนุ่ม แต่ถ้ากินตอนร้อนเส้นจะนุ่ม มีความหอมของหมี่ ที่สำคัญยังจัดเต็มเครื่องแน่นด้วยกันถึง 9 อย่างและแป้งอีก 3 อย่าง บอกเลยว่าเป็นเมนูที่ใครลองก็ติดใจ! เคล็ดลับความหวานของอาอี๊ หวานเย็น บอกก่อนว่าอาอี๊เป็นคนเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกขั้นตอนเราค่อนข้างพิถีพิถัน เชื่อมเอง ต้มเองทุกอย่าง อย่างเรื่องวัตถุดิบ เราเลือกใช้ของสดใหม่และคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติมาตรฐาน และที่เชงทึงของเรารสชาติหวานกลมกล่อมได้แบบนี้ เพราะว่าเราใช้น้ำตาลอ้อยและน้ำตาลทรายแดงของมิตรผล ที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไปและสีสันที่น่ากิน รวมถึงกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% เคล็ดลับความหวานอยู่ที่เราใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลต้มกับน้ำลำไย เริ่มจากการเอาลำไยไปต้มกับน้ำร้อนให้เดือดก่อน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และเคี่ยวให้น้ำตาลทรายแดงซึมเข้าเนื้อสักพัก เมื่อได้ที่แล้ว จะปล่อยให้เย็นตัวแล้วนำมาเสิร์ฟขายหน้าร้าน ซึ่งน้ำลำไยนี่แหละคือหัวใจหลัก ที่เราจะใส่ลงในเชงทึงหมี่หวาน เพื่อให้มีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม กินแล้วหวานเย็นชื่นใจ นอกจากนี้เรายังใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลใส่ลงไปในเมนูอื่น …

อ่านบทความ

Custard Nakamura ร้านเบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น ที่สุดแห่งตำนาน ไม่ควรพลาด!

พามารู้จักร้านดัง “Custard Nakamura ” เบเกอรี่ร้านดังย่านสุขุมวิท จัดเต็มหลากหลายขนมปังสุดน่ากิน แถมราคาโดนใจ ชื่อนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร

อ่านบทความ

เมนูอาหารกินง่าย ต้องยกให้ข้าวต้มเป็นหนึ่งในนั้น วันนี้จะพาไปร้านข้าวต้มทีเด็ด ย่านลาซาล ร้านข้าวต้มธรรมดาที่ไม่ธรรมดา “ยศข้าวต้ม” จัดเต็มเมนูให้เลือกจนตาลาย เรื่องรสชาติบอกเลยว่าเลิศ! แถมราคาไม่แพง ใครที่เคยกินก็พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่าเด็ด ตามมาพูดคุยกับคุณกิ๊ฟ เจ้าของร้านยศข้าวต้มกันดีกว่าว่าทำยังไงให้ร้านยศข้าวต้มพิเศษกว่าร้านอื่น ๆ และมีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ทุกเมนูอาหารถูกปากถูกใจคนทุกวัย “ยศข้าวต้ม” มีที่มาที่ไปอย่างไร? เป็นร้านข้าวต้มที่เปิดมาแล้ว 30 ปี ตั้งแต่ทำร้านเล็กจนขยายเป็นร้านใหญ่ ตอนนี้มี 4 สาขาแล้วค่ะ ตอนนี้เราก็รับช่วงต่อเป็นรุ่นที่ 2 โดยเราเพิ่งมารับช่วงต่อในช่วงโควิด ก็เลยเปิดต่อเนื่องมานาน ซึ่งร้านของเราเป็นร้านข้าวต้มรอบดึกค่ะ ด้วยความที่ร้านตั้งอยู่ในย่านสถานบันเทิง ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มากินก็จะเป็นสายเที่ยวกลางคืน ที่สำคัญอาหารของเรารสชาติถูกปากและราคาย่อมเยาอีกด้วยค่ะ เมนูเด็ดมา “ยศข้าวต้ม” แล้วต้องห้ามพลาด! เมนูเด็ดของร้าน ที่มาแล้วทุกคนต้องสั่งก็คือ ต้มไส้พะโล้, ต้มโคล้งปลาสลิด, เป็ดคั่ว, ซูเปอร์ขาไก่, หอยลายผัดพริกเผา, แกงส้มชะอมไข่กุ้ง ฯลฯ ต้องบอกเลยว่าเมนูเด็ดของร้านเรามีหลายอย่างมาก เพราะการที่เราเป็นร้านข้าวต้มต้องมีเมนูหลากหลาย ยิ่งเป็นร้านข้าวต้มมื้อดึกด้วยแล้ว ลูกค้าบางคนที่กลับจากบาร์หรือดื่มมา รสชาติอาหารเลยต้องจัด เพื่อให้กินกับข้าวต้มร้อน ๆ แล้วมันพอดี ต้องครบรส หวาน เค็ม เปรี้ยว ที่สำคัญต้องใช้วัตถุดิบในการปรุงที่สดใหม่ สะอาด และได้มาตรฐาน เคล็ดลับปรุงอาหารของร้านยศข้าวต้ม แน่นอนว่าในทุกเมนูอาหาร น้ำตาลถือเป็นส่วนสำคัญในการปรุง อีกหนึ่งเคล็ดลับของร้านเรา คือ เราเลือกใช้น้ำตาลอ้อยธรรมชาติจากมิตรผล ช่วยเพิ่มรสชาติอาหาร ด้วยความที่น้ำตาลอ้อยธรรมชาติของมิตรผล  ผลิตจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านชีววิธีแทนการใช้สารเคมี ที่สำคัญคือสะอาด ปลอดภัย ให้รสชาติที่หวานกลมกล่อม ช่วยเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมอ้อยอ่อน ๆ ให้แต่ละเมนู ปรุงเมนูไหนก็เข้ากัน เรียกได้ว่าเป้นไม้ตายของร้านเราเลยทีเดียวค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูยำหรือผัดก็ต้องใส่น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ อย่างเช่น ยำถั่วพู ยำปลาสลิด ไก่ผัดเม็ดมะม่วง กุ้งผัดผงกะหรี่ เป็นต้น บอกเลยว่าอาหารของร้านเรา ไม่ว่าจะเมนูไหนก็ต้องใช้น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยค่ะ

นึกอยากกินเป็ดพะโล้สักจาน พร้อมข้าวต้มและกับข้าวจัดเต็มกว่าร้อยอย่าง แน่นอนว่าต้องคิดถึง “ซ้งเป็ดพะโล้” เป็นอันดับแรก ตำนานเป็ดพะโล้ย่านวังหินที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปี เชื่อว่าใครได้ลองต้องติดใจไปกินซ้ำแน่นอนค่ะ แถมร้านเค้ายังเปิดดึกเอาใจคนหิวอีกด้วย วันนี้พามาดูเคล็ดลับของซ้งเป็ดพะโล้ พร้อมพูดคุยกับผู้จัดการร้าน ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ให้เป็ดพะโล้รสชาติกลมกล่อมและอยู่เป็นตำนานได้ขนาดนี้ ที่มาของซ้งเป็ดพะโล้  วันนี้เราอยู่กับคุณต๊ะ วินัย แซ่จิว ผู้จัดการร้านซ้งเป็ดพะโล้ อย่างที่รู้กันว่าที่มาของร้านนั้นเริ่มจากเฮียซ้งและเจ๊สั้นร่วมกันสร้างร้านนี้ขึ้นมา ซึ่งทีแรกมีแค่ 3-4 โต๊ะเท่านั้น จุดเริ่มต้นเมื่อก่อนสมัยก่อน เฮียซ้งอยู่นครปฐมที่บ้านรับจัดโต๊ะจีนอยู่แล้ว เลยมีความรู้เรื่องอาหารเรื่องเป็ดอยู่บ้าง เลยเริ่มจากการขายอาหารตามสั่งจนเปลี่ยนมาเป็น “เป็ดพะโล้” ในที่สุด ตอนนี้ซ้งเป็ดพะโล้ก็มีหลายสาขาด้วยกัน ได้แก่ สี่แยกวังหิน ลาดพร้าว 82 ,สายไหม, ทาวน์อินทาวน์, สามย่าน, พระราม 2, ทองหล่อ และสุขุมวิท 99 เมนูเด็ดห้ามพลาด! ส่วนใหญ่เมนูที่มาร้านซ้งเป็ดพะโล้แล้วต้องสั่ง ที่เป็นที่นิยมเลยก็จะเป็นเป็ดพะโล้และกับข้าวหลายอย่างกว่าร้อยชนิด ปัจจุบันนี้ลูกค้าก็เยอะมากขึ้น ที่ลูกค้านิยมสั่งกันเยอะอยู่ตลอดอย่าง เป็ดพะโล้ พลาดไม่ได้เลยคือซูเปอร์ขาไก่และไข่ยู่ยี่, ใบเหลียงผัดไข่, ต้มยำหัวปลา, ปูผัดผงกะหรี่ ลูกค้ากินแล้วจะบอกต่อกันตลอดว่ากับข้าวเรารสชาติดี เมื่อก่อนถ้าใครเคยกินซ้งเป็ดพะโล้ ร้านเราจะมีปัญหาในเรื่องอาหาร บางทีเราอาจจะมีเสิร์ฟช้าบ้าง แต่พอได้รับฟีดแบ็คจากลูกค้า ทางเราก็เลยนำไปปรับปรุงเปลี่ยนระบบใหม่ ทำให้เราเสิร์ฟได้เร็วขึ้น ลูกค้าได้รับกับข้าวไวขึ้น เพียงนั่งรอ 10-15 นาที ลูกค้าก็จะทยอยรับอาหารที่สั่งไว้ ซึ่งกลุ่มลูกค้าของร้านเราก็จะมีหลากหลายแบบด้วยกัน มีทั้งมากันเป็นครอบครัว กลุ่มเพื่อนมาเพื่อดื่มสังสรรค์กันก็มี หรือจะเป็นลูกค้าสัญจรที่เขาผ่านไปมาก็มีเยอะ เคล็ดลับตำนาน “เป็ดพะโล้”  ถ้าพูดถึงเป็ดพะโล้ ร้านข้าวต้มส่วนใหญ่ก็จะมีเป็นเมนูประจำอยู่แล้ว แต่ “เป็ดพะโล้” ของร้านเราจัดว่าเป็นเมนูเด็ดจนสามารถนำไปตั้งเป็นชื่อร้านได้ ขอบอกเลยว่าการทำเป็ดพะโล้ให้ได้รสชาติดีนั้น ต้องใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเป็ด ซึ่งร้านเราใช้เป็ดเชอร์รี่ที่คัดมาแล้วว่าต้องเป็นไซซ์เดียว ขนาดเดียวกัน ที่สำคัญต้องสดใหม่และสะอาด แน่นอนว่าเป็ดพะโล้ หัวใจสำคัญอยู่ที่เครื่องพะโล้ที่ถูกปรับปรุงสูตรจนลงตัวให้ได้เป็ดเนื้อนุ่ม และน้ำที่หวานหอม รสชาติดี ซึ่งรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของน้ำเป็ดพะโล้ร้านเราอยู่ที่น้ำเป็ดพะโล้จะออกหวานและเค็มอยู่นิดหน่อย ส่วนเป็ดถูกต้มจนเนื้อนุ่ม ไม่เหนียวเท่าไหร่ ส่วนเคล็ดลับที่สำคัญในการปรุงน้ำเป็ดพะโล้นั้น เราเลือกใช้ “น้ำตาลปี๊บของมิตรผล” ในการปรุงรส ซึ่งผลิตมาจากน้ำตาลอ้อยผสมกับน้ำตาลมะพร้าว ทำได้รสชาติที่หวานกลมกล่อม ด้วยความที่น้ำตาลปี๊บของมิตรผล มีเนื้อสัมผัสที่เนียน ใช้ง่าย ละลายง่าย ไม่แยกชั้น ที่สำคัญให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐานทุกถุง แถมยังให้สีน้ำพะโล้ที่ดูสวย เคยลองเปลี่ยนมาใช้น้ำตาลของที่อื่นดูแล้ว ไม่เวิร์กเท่าน้ำตาลปี๊บของมิตรผล จึงทำให้สูตรของร้านเราคงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

แบ่งปันสูตร 5 เมนูอาหารง่าย ๆ สำหรับคนที่อยากทำขายออนไลน์ ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพียงแค่มีวัสดุคุณภาพก็สามารถขายได้ สนใจคลิกอ่านเลย

ทริกลับสูตรเบเกอรีโฮมเมด! เลเยอร์เค้กปราบเซียนที่ใครก็ทำได้ เผยเคล็ดลับสุดโปรที่นักทำขนมมืออาชีพใช้! ตัวช่วยเปลี่ยนเมนู “เลเยอร์เค้กปราบเซียน” ให้กลายเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด พร้อมยกระดับรสชาติสูตรเบเกอรีโฮมเมดแบบธรรมดา ให้อร่อยได้เหมือนมีมืออาชีพมาทำให้กินเองถึงบ้าน ใครพร้อมลงครัว ก้าวข้ามความท้าทายของเมนูปราบเซียนนี้แล้ว ห้ามพลาดเทคนิคไม่ลับ ที่จะมาเฉลยพ้อยท์ลับของเนื้อเค้กนุ่ม ชุ่มฉ่ำ พร้อมประกอบร่างได้ง่าย ราวกับจัดวาง! 4 จุดพลาดที่ทำให้เลเยอร์เค้ก “พัง” ก่อนจะไปดูเทคนิคการทำเลเยอร์เค้กให้ถอดแบบได้ตามสูตรเบเกอรีโฮมเมดนั้น ต้องทำความเข้าใจจุดผิดพลาดที่เป็นสาเหตุความ “พัง” ของชั้นเค้กให้เข้าใจเสียก่อน จะได้รับมือถูกว่าส่วนไหนที่ต้องระวัง พร้อมฝึกปรือฝีมือไปกับขั้นตอนการทำเลเยอร์เค้กที่สมบูรณ์แบบ จุดพลาดที่ 1 : วางชั้นเค้กไม่สม่ำเสมอ ชั้นเค้กที่ดูไม่สม่ำเสมออาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นไม่ความชำนาญในการวางชั้นเค้ก, ความไม่สมบูรณ์ของรูปทรงที่เกิดจากปัญหาเนื้อเค้กยุบ ตลอดจนปัญหาเนื้อเค้กแห้งกระด้าง และการถอดพิมพ์เค้ก ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่ทำให้การประกอบร่างเลเยอร์เค้กมักไม่สมดุล จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการโค่นล้มสูง อย่างไรก็ตาม จุดผิดพลาดดังกล่าวก็มีวิธีแก้ไขได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ไม้ปลายทู่ดามเนื้อเค้ก ซึ่งทริกนี้ก็ปรากฏอยู่ในสูตรเบเกอรีโฮมเมดมากมายในปัจจุบัน แถมยังเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ให้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่สามารถครอบคลุมไปยังต้นเหตุของความผิดพลาดได้อย่างแท้จริง จุดพลาดที่ 2 : ตัดชั้นเค้กในขณะที่ยังอุ่น หลายครั้งที่ความผิดพลาดของเชฟขนมหวานมือใหม่มักเกิดมาจาก “ความใจร้อน” รีบเร่งที่จะไปสู่ขั้นตอนถัด ๆ ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเมนูเค้กที่ต้องอาศัยความใจเย็น ป้องกันข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอก อาทิ อุณหภูมิหลังอบที่สำคัญต่อเนื้อเค้ก หากเร่งหั่นเพื่อแบ่งชั้นโดยทันที ในขณะที่ยังมีความอุ่น สิ่งที่จะตามมาคือ การแตกและรุ่ยของเนื้อเค้ก ซึ่งจะส่งผลต่อการประกอบเลเยอร์อย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อที่จะลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาดนี้ เพียงแค่ถอดวิธีทำตามขั้นตอนในสูตรเบเกอรีโฮมเมดแบบเป๊ะ ๆ ทุกตัวอักษร โดยห้าม “ละเลย” แม้แต่ขั้นตอนเดียว ขั้นตอนไหนที่จำเป็นต้องรอก็ควรรอ ขั้นตอนไหนสามารถดำเนินการต่อก็ลุยได้เลยทันที เพียงเท่านี้ก็จัดการปัญหาเนื้อเค้กแตกรุ่ยจากอุณหภูมิและการผสมที่ผิดพลาดได้อย่างง่ายดาย จุดพลาดที่ 3 : ชั้นครีมไม่เกาะตัวเค้ก รู้ไหมว่าฟรอสติ้งครีม หรือเนื้อครีมเคลือบขนมเค้กที่มีทั้งแบบวิปครีม บัตเตอร์ ครีมชีส และช็อกโกแลตกานาซ ซึ่งนอกจากให้ความอร่อยแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเชื่อมยึดระหว่างชั้นเค้กให้เกิดการบาลานซ์ที่สมดุล จึงไม่แปลกที่ข้อผิดพลาดหลาย ๆ ครั้ง มักจะเกิดจากการไม่เกาะตัวของเนื้อครีม จนทำให้เค้กโค่นหรือล้มลงมาได้ ซึ่งการที่ครีมฟรอสติ้งไม่สามารถเกาะเนื้อเค้กได้นั้น เกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากชั้นเค้กที่ไปทำให้เนื้อครีมนิ่มและเหลวตัวลง ตลอดจนความแห้งและกระด้างของเนื้อเค้กที่เกิดจากความผิดพลาดของส่วนผสมในสูตรเบเกอรีโฮมเมดที่เลือกใช้ ตลอดจนเวลาในการอบที่นานเกินไป ซึ่งก็สามารถแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการพรมน้ำเชื่อมเพิ่มความชุ่มชื้นแทน จุดพลาดที่ 4 : ไม่รู้เทคนิคการปาดครีมเค้ก ในส่วนนี้อาจแบ่งได้เป็น 2 ข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่เกี่ยวกับการปาดครีมเค้ก ได้แก่ ครีมชั้นใน และครีมชั้นนอก ซึ่งทั้งสองส่วนต่างก็มีความสำคัญในการพยุงเลเยอร์เค้กด้วยกันทั้งสิ้น อีกทั้งยังไม่มีวิธีบอกเทคนิคการทำแบบลงลึกในสูตรเบเกอรีทั่ว ๆ ไป เนื่องจากเป็นเรื่องของเทคนิคที่ต้องใช้เวลาในการฝึกปรือ เทคนิคการปาดครีมชั้นใน : สำหรับสูตรเบเกอรีโฮมเมดที่เน้นรสชาติเค้กไปทางความบางเบา ความสดชื่นจากแยมหรือเนื้อผลไม้ เนื้อครีมชั้นในควรปาดและสร้างเอาไว้เพื่อใส่ไส้ใน แทนการปาดแยมลงไปทับหรือวางเนื้อผลไม้ทันที เนื่องจากจะทำให้เกิดความไม่สมดุล จนทำให้เค้กล้มได้ …

หลายครั้งที่อบขนมตามสูตรเบเกอรี่โฮมเมดแล้วผลลัพธ์ไม่ได้ดั่งใจ ทั้ง ๆ ที่ใช้ส่วนผสมตามสูตร ลองทางเลือกใหม่ด้วยน้ำเชื่อม Invert Sugar ทางลัดสูตรอร่อย

5 เทคนิคเปิดร้านชาไข่มุก พิชิตยอดขาย ไม่ต้องพึ่งแฟรนไชส์ ต้องยอมรับว่าชาไข่มุกคือเครื่องดื่มยอดนิยมของวัยรุ่นและวัยทำงาน จึงไม่น่าแปลกใจที่การเปิดร้านชาไข่มุกจะเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน แต่การซื้อแฟรนไชส์ร้านชาไข่มุกต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ดังนั้นการเปิดร้านชานมไข่มุกด้วยตัวเองคงเป็นทางออกที่ดี ถึงแม้จะใช้เวลาเตรียมการมากกว่าการซื้อแฟรนไชส์สักหน่อย แต่การเปิดร้านชานมไข่มุกแบบไม่ง้อแฟรนไชส์ จะทำให้คุณสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้อย่างเป็นอิสระ ไม่ว่าการออกแบบโลโก้ รูปแบบร้าน รวมไปถึงการรังสรรค์เมนู ก็สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ของตนเองได้อย่างเต็มที่  รวมถึงสามารถเลือกวัตถุดิบได้เอง ไม่จำเป็นต้องใช้แต่วัตถุดิบที่ถูกกำหนดมาจากทางแฟรนไชส์เท่านั้น บทความนี้มี 5 เคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณสามารถเปิดร้านชานมไข่มุกให้ขายได้โดยไม่พึ่งแฟรนไชส์มาบอกกัน 5 เทคนิคเปิดร้านชาไข่มุก สร้างแบรนด์ด้วยตนเอง 1. วางแผนการลงทุนให้ดี คำนวณต้นทุนอย่างถี่ถ้วน ในการเริ่มต้นธุรกิจสิ่งที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การวางแผนการลงทุนให้ดี ต้องรู้ว่ามีเงินสำหรับเป็นค่าร้านเท่าไร เพื่อที่จะออกแบบร้านให้พอเหมาะกับเงินทุนที่มี แต่ยังคงไว้ซึ่งคอนเซปต์ของร้านอย่างที่ตั้งใจสำหรับอุปกรณ์ภายในร้านและอุปกรณ์ในการชงชา ควรเลือกซื้อของมีคุณภาพแต่ราคาไม่แพง และหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด เพื่อในอนาคตต้องซื้อเพิ่ม เปลี่ยนใหม่ หรือซ่อมแซมจะได้ไม่ยุ่งยากนอกจากนี้ ยังมีค่าวัตถุดิบ อีกหนึ่งต้นทุนสำคัญที่ต้องคำนวณอย่างระมัดระวังมากที่สุด โดยต้องดูว่าค่าวัตถุดิบที่ต้องซื้อในแต่ละครั้งเป็นเท่าไร ในการซื้อวัตถุดิบหนึ่งครั้งสามารถชงชาไข่มุกได้กี่แก้ว และต้องคำนึงถึงการสต็อกวัถุดิบด้วย เพื่อป้องกันการซื้อวัตถุดิบมาเยอะเกินความจำเป็น แล้วสุดท้ายหมดอายุ กลายเป็นของเสียและต้องทิ้งไปในที่สุด จนกลายเป็นเงินทุนที่จมลงไปอย่างเปล่าประโยชน์  2. เลือกทำเลดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเลือกทำเลที่ตั้ง เพื่อเปิดร้านชาไข่มุก สิ่งแรกที่คุณต้องรู้ คือ กลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร เพราะทำเลที่ตั้งที่จะเลือกนั้น ควรอยู่ใกล้กลุ่มเป้าหมายของคุณมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น– กลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน ก็ควรเลือกที่ตั้งร้านในย่านที่มีตึกออฟฟิศให้เช่า หรือย่านธุรกิจที่ตั้งของสำนักงานต่าง ๆ– กลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น ก็ควรเลือกตั้งร้านใกล้กับโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือแหล่งที่วัยรุ่นมักไปแฮงก์เอาต์กัน–  กลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัว ก็ควรเลือกตั้งร้านในหรือใกล้หมู่บ้าน ใกล้ตลาด หรือในแหล่งชุมชนเหตุผลที่ต้องเลือกทำเลที่ตั้ง เพื่อเปิดร้านชาไข่มุกตามกลุ่มเป้าหมายหลักก็เพราะว่าตอนที่คุณเปิดร้าน กลุ่มเป้าหมายของคุณก็จะเป็นคนแรก ๆ ที่มาลองชิมเครื่องดื่มของคุณ ถ้ารสชาติของเครื่องดื่มอร่อยถูกใจและถูกปากลูกค้าก็จะทำให้เกิดการบอกต่อ และฐานลูกค้าก็จะขยายออกไปเป็นวงกว้างมากขึ้น 3. รสชาติคือหัวใจ เลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพ สำหรับการเปิดร้านขายอาหารหรือเครื่องดื่มนั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าหัวใจสำคัญคือเรื่องรสชาติ เพราะถึงคุณมีหน้าร้านสวย ราคาถูก แต่รสชาติไม่ดี ก็เป็นไปได้ยากที่จะเปิดร้านได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเปิดร้านชาไข่มุก ที่มีจำนวนคู่แข่งค่อนข้างมาก สิ่งที่จะทำให้คุณเอาชนะคู่แข่งได้นั่นก็คือ รสชาติที่ดี และการสร้างสรรค์เมนูที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นนั่นเองการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาไข่มุกของร้านมีรสชาติที่โดดเด่นแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นผงชา เม็ดไข่มุก ควรเลือกยี่ห้อที่ได้รับความนิยม หรือเป็นที่ยอมรับ และที่สำคัญในการชงชา ควรเลือกใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาล  เพื่อให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม และระดับความหวานที่คงที่ ซึ่งเราขอแนะนำน้ำเชื่อมมิตรผล 2 สูตร ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสม ซึ่งแต่ละสูตรต่างสร้างรสสัมผัสให้ชาที่แตกต่างกันออกไป– น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม มีสีใส ช่วยทำให้เนื้อสัมผัสทุกเมนูเนียนนุ่ม จึงเป็นที่นิยมสำหรับการนำไปทำเมนูเครื่องดื่ม มีระดับความหวานคงที่ และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าน้ำเชื่อมแบบปกติ–  น้ำเชื่อมโกลเด้น ไซรัป เกิดจากน้ำเชื่อมมิตรผลสูตรดั้งเดิมมาผสมกับน้ำเชื่อมจากอ้อยธรรมชาติ ทำให้มีสีทองช่วยเพิ่มสีสันให้เมนูเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังมีกลิ่นหอมและรสชาติจากอ้อยธรรมชาติ และสามารถเก็บรักษาได้นานกว่าน้ำเชื่อมแบบปกติอีกด้วย 4. สร้างจุดขาย สร้างแบรนด์ให้สุดปัง อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วว่าร้านชาไข่มุกเป็นที่นิยมของทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน …

แจกสูตรน้ำยำเงินล้าน แกะรอยความอร่อยร้านดังพร้อมโกยกำไร อร่อยเด็ดเจ็ดย่านน้ำ แถมสร้างรายได้แบบไม่พัก! นิยามนี้ต้องมอบให้แก่ “เมนูสารพัดยำ” ที่กอบโกยกำไรจากกลุ่มลูกค้าสายอาหารรสแซ่บ ด้วยความนัวของรสชาติที่กลมกล่อม จึงไม่แปลกที่เมนูยำกลายเป็นกระแสฮิตติดลมบน วันนี้มิตรผลเลยอดใจไม่ไหว ต้องขอหยิบสูตรน้ำยำเงินล้านมาบอกต่อ จะทำกินเองที่บ้านก็ดี จะทำขายก็ปังแน่นอน “น้ำตาลเคี่ยว” เคล็ดลับความอร่อยของทุกสูตรน้ำยำ ภายใต้ความอร่อยสูตรเด็ดของน้ำยำพื้นฐาน รู้ไหมว่ารสชาติกลมกล่อมนั้นมาจาก “น้ำตาลเคี่ยว” ที่ปรุงรสหวานเค็มได้อย่างสมดุล โดยทั่วไปจะใช้น้ำตาลโตนด แต่สูตรนี้จะใช้น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล ตัวช่วยลดระยะเวลาการเคี่ยว พร้อมปรุงรสได้อย่างกลมกล่อม หวานแบบคงที่  ด้วยสัดส่วนมาตรฐานที่สามารถวัดตวงได้จากการตักผสมนั่นเอง ส่วนผสม: น้ำตาลเคี่ยว น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล 300 กรัม น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำกระเทียมดอง 50 มิลลิลิตร น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ: น้ำตาลเคี่ยว เทน้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล ลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำกระเทียมดอง และน้ำปลา เปิดเตาใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ปล่อยให้ส่วนผสมเริ่มละลายเข้ากันดี ต้มไปเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือด ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน หมั่นคนเรื่อย ๆ เคี่ยวต่อไป 45 นาที รอจนกลิ่นมะขามเปียกจางลง ปิดเตา รอจนเย็นสนิท ก่อนจะเก็บในภาชนะที่มิดชิด ใช้ได้นาน 3 สูตรน้ำยำพื้นฐาน : แกะรอยความอร่อยจากร้านดัง! ใครก็รู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่ติดทานอาหารรสจัดจ้าน เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน กลมกล่อมแบบลงตัว ซึ่งอาหารประเภท “ยำ” ก็จัดได้ว่าเป็นเมนูที่มีครบทุกความอร่อยที่คนไทยมองหา แถมยังมีความหลากหลาย พลิกแพลงใส่วัตถุดิบได้ตามความต้องการได้อย่างลงตัว นี่คือเสน่ห์ของอาหารจานยำอย่างแท้จริง แต่กระแสฟีเวอร์ที่ทำให้คนหันมาทานยำกันทั่วไทยก็ไม่ได้มาจากความชอบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่สูตรน้ำยำที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครของแต่ละร้านดังก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ตรึงใจให้ลูกค้ากลับมาทานซ้ำ แถมยังบอกต่อ และนี่คือ 3 สูตรน้ำยำพื้นฐานที่เราแกะรอยความอร่อยมาฝาก ทั้งยังปรับสูตรให้ง่ายขึ้นด้วยการใช้น้ำตาลเคี่ยวสูตรลัดจาก น้ำเชื่อมเข้มข้น ตรามิตรผล  สูตร 1 : น้ำยำใส น้ำยำที่คุ้นเคยด้วยรสชาติที่เข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน “เค็ม หวาน เปรี้ยว เผ็ด” ถือเป็นนิยามความอร่อยของสูตรน้ำยำแบบใสที่สามารถเข้ากันได้กับทุกวัตถุดิบ ส่วนผสม: น้ำยำใส (สำหรับ 1 ที่) พริกจินดาแดงซอย 8 เม็ด น้ำตาลเคี่ยว ½ ช้อนชา น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ: น้ำยำใส …

“แซว” ก๋วยเตี๋ยวน้ำซุปซดคล่อง ทีเด็ดหมูสับเครื่องแน่นล้นชาม ความบังเอิญมักจะทำให้เราเจอร้านเด็ดอยู่เสมอ คราวนี้ก็เช่นกันค่ะ บังเอิญหาร้านกินข้าวเที่ยงในย่านปากซอยทองหล่อ เราเจอกับหนึ่งในร้านก๋วยเตี๋ยวเด็ดร้านดังที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้มาลองชิม! ก็คือร้าน “แซว” นั่นเอง ร้านก๋วยเตี๋ยวขนาดห้องแถว มีตู้ไม้ใส่เครื่องก๋วยเตี๋ยวตั้งเป็นเอกลักษณ์ บรรยากาศร้านสไตล์จีนดั้งเดิม พร้อมกับคนแน่นอยู่ตลอดเวลา เห็นแบบนี้มั่นใจเลยว่าร้านนี้เด็ดแน่นอน เชื่อว่าหลายคนที่เคยกินก็ต้องติดใจจนกลายเป็นร้านประจำ ตามมาพูดคุยกับทายาทรุ่นที่สามของร้านแซวกันดีกว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนาดนี้?! วันนี้เรามาพูดคุยกับคุณอัญชลี หรือคุณอัญ ทายาทรุ่นที่ 3 ของเจ้าของร้านแซว คุณอัญก็ได้เล่าให้เราฟังว่า แรกเริ่มเดิมทีก๋วยเตี๋ยวร้านแซวนั้นมาจากอากงที่มาจากจีน จากนั้นก็ส่งต่อจากอากงสู่รุ่นหลาน มีการปรับสูตรให้ทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติและคุณภาพแบบดั้งเดิม อาจจะเห็นว่าก๋วยเตี๋ยวร้านแซวมีหลายสาขา ก็จะเป็นลูกหลานอากง เป็นพี่เป็นน้องของเราเองค่ะ เราไม่ขายแฟรนไชส์ เพราะอยากรักษาสูตรและรสชาติให้คงเดิมไว้มากที่สุด เมื่อก่อนอากงเป็นคนคิดค้นสูตรให้ถูกใจลูกค้า เราจะเน้นเครื่องในหมู ตับหมู ด้วยความที่ยุคสมัยเปลี่ยนไป เราก็มีการปรับให้เข้ากับยุคสมัยตามเทรนด์สุขภาพมากขึ้น จะมีการใส่เนื้อปลาหรือลูกชิ้นปลาเพิ่มเข้ามา ทำให้ถูกใจลูกค้าหลายกลุ่มมากขึ้น หมูสับสูตรแซว น้ำซุปหวานกลมกล่อม กินร้านไหนก็ไม่เหมือน เชื่อว่าถ้าใครได้ลองกิน ก็ต้องติดใจหมูสับของเราค่ะ แน่นอนว่าจุดเด่นของร้านเราอยู่ที่หมูสับสูตรแซว ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าช่วงวัยไหนทั้งเด็ก วัยทำงานและผู้ใหญ่ก็จะชอบหมูสับของเรามาก เพราะว่าหมูสับของเราผ่านการหมักอย่างถึงเครื่อง ไม่ผสมแป้ง ไม่ผสมสารกันบูด ทำสดใหม่เสมอ ซึ่งในแต่ละวัน เราทำหมูสับในปริมาณที่เยอะมาก ทำให้ได้ความสดใหม่และคุณภาพดี หัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุป  นอกจากหมูแล้ว สิ่งที่เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษคือ “น้ำซุป” ที่เราคงคุณภาพมาตั้งแต่รุ่นอากง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัตถุดิบในการใช้ก็ดี หรือรสชาติของน้ำซุปก็ดีที่เป็นรสชาติต้นตำรับ ไม่ได้ปรุงแต่งเยอะ ใช้รสชาติแท้ ๆ ของกระดูกหมูกับเครื่องรากผักชีนิดหน่อย ทำให้น้ำซุปได้รสชาติหอม ซดแล้วคล่องคอ แน่นอนว่าหัวใจหลักของก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่น้ำซุปค่ะ ถ้าน้ำซุปไม่เข้มข้น ไม่กลมกล่อม บอกได้เลยว่าอยู่ยาก ลูกค้าที่เข้ามากินก๋วยเตี๋ยวร้านเราอยู่บ่อย ๆ เพราะถูกใจน้ำซุป เคล็ดลับของน้ำซุปร้านเราอยู่ที่การเคี่ยวนาน และปรับสูตรให้ทันสมัยอยู่เสมอ ส่วนเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้น้ำซุปกลมกล่อมมากขึ้น เราเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีอย่าง “น้ำตาลกรวดมิตรผล” เพราะน้ำตาลกรวดจะค่อยๆละลาย จะยิ่งขับรสชาติความอร่อยของกระดูกหมูออกมาได้หวานกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ เข้าถึงรสชาติมากกว่าน้ำตาลทั่วไป ซดเมื่อไหร่ก็คล่องคอ หวานกลมกล่อมพอดี เมนูเด็ด กินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ! สำหรับเมนูเด็ดที่ถูกใจลูกค้าและเข้ามากินบ่อยก็จะเป็นเส้นปลาต้มยำ ซุปหมูสับ หรือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เย็นตาโฟ ลูกค้าจะชมตลอดว่าน้ำซุปร้านเราถึงเครื่อง รสชาติเข้มข้น ถ้าใครมีโอกาสอยากให้แวะมาลองชิมกันค่ะ มีด้วยกันหลายสาขา ได้แก่ วัชรพล พระโขนง ทองหล่อ ใกล้ที่ไหนลองเข้าไปกินกันได้เลยค่ะ     

ขนมไทยเก้าพี่น้อง แน่นอนว่าเวลามีงานบุญ งานบวช ขาดไม่ได้เลยคือ “ขนมไทย” ที่มีหน้าตาประณีต สีสันที่สวยงาม และรสชาติหวานกลมกล่อม ที่สำคัญขนมไทยแต่ละชนิดยังมีเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกันอีกด้วย เราเชื่อว่าทุกคนต้องมีเมนูขนมไทยสุดโปรดในดวงใจกันอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะคะ บอกเลยว่าขนมไทยบางชนิดก็หากินยากมาก! แต่รับรองว่าหาได้!! เพราะวันนี้เราพามาบุกร้านขนมไทยเก้าพี่น้อง ต้นตำรับขนมไทยกว่า 40 ปี มีขนมไทยให้เลือกแบบจุใจ จะซื้อกินก็ดีหรือซื้อฝากก็เลิศ พร้อมบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม ทำอย่างไรให้ขนมไทยออกมารสชาติดี ถูกปากคนทุกวัย~ จุดเริ่มต้นของ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง”      จุดเริ่มต้นของร้านเราเกิดจากการที่อาม่าเป็นคนชอบทำขนมไทย พอดีได้มีโอกาสไปร่วมงานบุญของเพื่อนบ้าน อาม่าก็ชอบสังเกตและลองทำตามให้ลูกหลานได้ลองชิมกัน พอได้ลองชิมแล้วทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “รสชาติดี” อากง อาม่าเลยตัดสินใจเปิดร้านขนมไทย โดยเปิดสาขาแรกที่ตลาด อ.ต.ก. ในปี พ.ศ. 2521 ซึ่งที่มาของชื่อ “เก้าพี่น้อง” นั้น เป็นเพราะว่าทางอากง อาม่ามีลูกอยู่ 9 คน ก็เลยเอาจำนวนของลูก ๆ มาตั้งเป็นชื่อร้าน เป็นที่มาของชื่อ “ขนมไทยเก้าพี่น้อง” นั่นเอง “เน้นความสดใหม่ ใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน ไม่ใส่สาร ปลอดภัยต่อผู้บริโภค”  จุดเด่นของทางร้านที่เราเน้นเสมอ อย่างแรกเลยคือ ขนมของเราจะทำสดใหม่ทุกวัน เราผลิตวันต่อวัน ไม่มีขนมค้างสต๊อกแน่นอน อย่างที่สองคือเรื่องของมาตรฐานความสะอาด เราใส่ใจในความสะอาดของทุกขั้นตอนการผลิต และเรื่องของวัตถุดิบ เราคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ มาตรฐานเพื่อนำมาผลิตขนม อย่างสุดท้ายทางร้านจะคำนึงเรื่องความปลอดภัยของลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญ ทางร้านจะไม่ใส่สารกันเสียหรือวัตถุกันเสียใด ๆ ขนมไทยเมนูเด็ด ห้ามพลาด!      สาวกขนมไทยห้ามพลาดกับเมนูเด็ดของทางร้าน อย่าง ลูกชุบ, ขนมชั้นหวานน้อย, ตะโก้กวนใหม่ทุกวันหอมมันกะทิสด ๆ หรือจะเป็นขนมเทียนไส้มะพร้าวหวานหอมกลมกล่อม อีกทั้งขนมเทียน ข้าวต้มมัด ฯลฯ บอกเลยว่าร้านเรามีขนมไทยให้เลือกเยอะมาก แนะนำให้เข้ามาเลือกชมด้วยตัวเอง รับรองว่าได้ของติดไม้ติดมือเพียบ! “เคล็ดลับของเราอยู่ที่การใช้วัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน”      เป็นที่รู้กันว่าขนมไทยส่วนมากมักจะมีรสชาติค่อนข้างหวานมากอยู่แล้ว แต่สูตรของทางร้านเราเรียกได้ว่าทำมาอย่างพอดีพอเหมาะ มีความหอมมัน ได้กลิ่นของน้ำตาลอ้อยผสมน้ำตาลมะพร้าว ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการทำขนมไทยหลายอย่าง เช่น ขนมโคน้ำ ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวหน้ากระฉีก รวมไปถึงขนมเปียกปูน เป็นต้น     แน่นอนว่าที่ได้ขนมไทยรสชาติหวานละมุน กลมกล่อมได้แบบนี้ เป็นเพราะทางร้านเลือกใช้ “น้ำตาลอ้อยผสมมะพร้าวของมิตรผล” ให้รสชาติที่หวานเข้มข้นกลมกล่อม ได้ความหอมจากหวานจากน้ำตาลมะพร้าว เหมาะกับการทำเมนูขนมหวาน ก่อนหน้านี้เราลองใช้น้ำตาลมะพร้าวทั่วไปมาแล้วหลายเจ้า ทั้งร้านตามตลาดขายส่ง หรือบุกไปซื้อถึงสวนเองเลยก็มี แต่ด้วยความที่ร้านเราผลิตขนมในปริมาณมาก เราต้องการน้ำตาลที่ได้รสชาติมาตรฐาน มีความสม่ำเสมอ ไม่หวานแหลมจนเกินไป น้ำตาลมิตรผลจึงตอบโจทย์สุด เพราะได้น้ำตาลที่มีเนื้อเนียน ละลายง่าย ไม่จับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ได้รสชาติหวานมันกลมกล่อมหอมมะพร้าวและหวานสม่ำเสมอ …

1. ประวัติศาสตร์ “น้ำตาล” รู้หรือไม่ว่า “น้ำตาล” เครื่องปรุงให้รสหวานที่เป็นที่นิยมและขาดไม่ได้ในทุกครัวเรือนนั้น มีแหล่งกำเนิดที่ไกลจากประเทศไทย และชื่ออาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนัก นั่นก็คือ หมู่เกาะปาปัวนิวกินี มาจากพืชชนิดหนึ่งนั่นก็คือ “ต้นอ้อย หรือ ต้นน้ำตาล” โดยชาวโพลีนีเซียนเป็นคนกลุ่มแรกที่รู้จักรสหวานจากน้ำตาลอ้อยและเพาะปลูกต้นอ้อยเมื่อราวๆ 8,000 ปีก่อนคริสตกาล จากนั้นต้นอ้อย ก็ได้แพร่กระจายผ่านหมู่เกาะโซโลมอนไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไปจรดยังอินเดีย ซึ่งในช่วงแรกนั้นมนุษย์ได้ความหวานจากต้นอ้อยโดยการเคี้ยว ก่อนที่จะมีการค้นพบวิธีทำให้น้ำหวานของอ้อยตกผลึกเป็นน้ำตาลเกล็ด ซึ่งทำให้ง่ายต่อการขนส่งและการจัดเก็บมากยื่งขึ้น และคำว่า Sugar ที่เราคุ้นเคยกันนั้นก็ได้รากศัพท์มาจากคำว่า Sarkar ที่แปลว่าเกล็ด, เมล็ดเล็ก ๆ นั่นเอง และวันนี้เราขอพามารู้จักน้ำตาลอีก 1 ชนิดที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นจากเทรนด์การใส่ใจสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่มาจากธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งน้อย นั่นก้คือน้ำตาลอ้อยธรรมชาตินั่นเอง มาดูกันว่าน้ำตาลอ้อยธรรมชาติมีกระบวนการผลิตที่คงความเป็นธรรมชาติอย่างไร 2. กระบวนผลิตน้ำตาล จากน้ำหวาน มาเป็น เกล็ดผลึก โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตน้ำตาลนั้นจะเริ่มจากการสกัดอ้อยสด จนได้ออกมาเป็นน้ำอ้อยเหมือนกัน ซึ่งกากอ้อยที่ผ่านการสกัดน้ำอ้อยออกแล้วจะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายอีกด้วย อย่างมิตรผล น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เมื่อผ่านกระบวนการสกัดจนได้น้ำอ้อยแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการกรองจนได้น้ำอ้อยใสที่สะอาดไร้สิ่งเจือปน จากนั้นจะนำไปเข้ากระบวนการ ต้ม เคี่ยว ปั่น และอบแห้ง จนได้เป็นเป็นผลึกน้ำตาลที่คงความหอมหวาน คงสีสัน และยังคงคุณค่าจากอ้อยธรรมชาติไว้ 100% 3. แล้วน้ำตาลอ้อยธรรมชาติใช้ได้ในเมนูไหนบ้างล่ะ จริง ๆ แล้ว น้ำตาลอ้อยธรรมชาติให้ความหวานใกล้เคียงกับน้ำตาลทรายขาว แต่จะเพิ่มกลิ่นหอมและสีสันจากอ้อยธรรมชาติเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เรียกว่าใช้แทนกันได้หลากหลายเมนู และโดยปกติแล้วถ้าพูดถึงการใช้น้ำตาลนั้น คนเรามักจะนึกถึงเมนูที่เป็นขนมหวาน ไม่ก็จะเป็นเครื่องดื่มที่เย็นชื่นใจ แต่อาหารคาวนั้น คนเรามักจะหลงลืมการให้ความสำคัญของน้ำตาลที่ทำหน้าที่ช่วยทำให้รสชาติของอาหารจานนั้น ๆ กลมกล่อมขึ้น ถ้าเราลองไม่ใช้น้ำตาลให้การปรุงอาหาร ก็อาจจะไม่เกิดรสชาติที่สมบูรณ์เท่าที่ควรจะเป็น วันนี้เราขอเสนอเมนูที่เรียกได้ว่า ถ้าขาดน้ำตาลไปก็เหมือนขาดใจ และยิ่งถ้าได้เติมความกลมกล่อมด้วยน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ก็จะยิ่งเพิ่มสีสัน และความหอมจากอ้อยธรรมชาติ ชูความอร่อยให้ยิ่งสมบูรณ์ขึ้นไปอีก สามชั้นต้มซีอิ๊ว พะโล้ไข่ยางมะตูม กะเพราหมูสับพริกแห้ง บัวลอยไข่หวานกะทิ (ขอเปลี่ยนเมนูเป็นกล้วยบวชชีหรือบัวลอยค่า) ขนมปังเนยน้ำตาล สามชั้นต้มซีอิ๊ว วัตถุดิบ 1. หมูสามชั้น 300 กรัม 2. น้ำตาลทรายธรรมชาติ ตรามิตรผล 3 ช้อนโต๊ะ 3. กระเทียม 3-5 กลีบ 4. รากผักชี 2 ราก 5. พริกไทย 10 กรัม 6. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา 7. ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ 8. คะน้า …

อาอี๊ หวานเย็น เชงทึง หมี่หวานน้ำแข็งไสสไตล์จีน อากาศร้อน ๆ เดินตะลุยกินเยาวราชทั้งที จัดเต็มทั้งของคาว ของกินเล่น แล้วห้ามพลาด! กับของหวานร้านเด็ดที่จะเติมความหวาน เพิ่มความสดชื่นอย่าง “อาอี๊ หวานเย็น” ร้านน้ำแข็งไสสไตล์จีนแท้ ๆ กับเมนูเด็ดอย่าง “เชงทึงหมี่หวาน” ของหวานจีนแต้จิ๋วโบราณหากินยาก ให้เครื่องแน่นจนอิ่มจุก แถมยังมีเมนูเด็ดไม่เหมือนใคร ทำให้ใครผ่านไปมาต้องลองชิม! วันนี้เราพาทุกคนมาทำความรู้จักอาอี๊ หวานเย็นให้มากขึ้น พร้อมทั้งบอกเคล็ดลับความหวานกลมกล่อม กินแล้วหอมเย็นชื่นใจ~ จากของหวานโรงเจสู่อาอี๊ หวานเย็น  ตอนนี้เราก็อยู่กับอาอี๊พิม เจ้าของร้านอาอี๊ หวานเย็น ตำนานน้ำแข็งไสสไตล์จีน หากินยาก! ซึ่งอาอี๊ก็ได้เล่าให้เราฟังถึงจุดเริ่มต้นร้านหวานเย็น ว่าเมื่อก่อนอาอี๊ หวานเย็นเริ่มขายครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 ตั้งร้านอยู่ที่โรงเจโจวซือกง ย่านตลาดน้อย ใน 1 ปี จะขาย 10 วันเท่านั้นก็คือช่วงเทศกาลกินเจ ทีนี้ลูกค้ากินแล้วติดใจ เรียกร้องอยากให้ร้านเราเปิดขายทั้งปี เราก็เลยตัดสินใจรวมตัวพี่น้องทุกคนและออกมาเปิดร้านขายที่ริมถนนเยาวราช “อาอี๊ หวานเย็น” มาจากการที่ลูกเรียกแม่ว่า “อาอี๊” แน่นอนว่าครอบครัวของเราเป็นคนจีน ชื่อร้านจึงมาจากคำที่ลูกเรียกแม่ ซึ่งในภาษาจีนคือคำว่าว่า “อาอี๊” นั่นเอง และ “เชงทึง” แปลว่าน้ำใส เป็นคำโบราณของภาษาจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันรู้จักกันดีในคำว่า “เต้าทึง” นั่นเองค่ะ เปิดประสบการณ์กิน “หมี่เย็น” กับเมนูเด็ด “เชงทึงหมี่หวาน” นึกถึงเส้นบะหมี่ก็ต้องกินตอนร้อน อาอี๊หวานเย็นเปิดประสบการณ์ใหม่กิน “บะหมี่เย็น” กับเมนูไฮไลต์ของร้านอย่าง “ชงทึงหมี่หวาน” อย่างที่บอกไปค่ะทุกคนว่าเชงทึงคือน้ำแข็งไส เพราะฉะนั้นชงทึงหมี่หวาน คือ น้ำแข็งไสสไตล์จีนใส่บะหมี่นั่นเอง ซึ่งความพิเศษไม่เหมือนใครของอาอี๊ หวานเย็นอยู่ที่ “บะหมี่” ซึ่งบะหมี่ของที่ร้าน ไม่ได้ใส่ไข่ ไม่ใส่น้ำด่าง เส้นนุ่ม สำหรับเมนูเชงทึงหมี่หวาน ถ้ากินเย็นเส้นจะมีความเหนียวนุ่ม แต่ถ้ากินตอนร้อนเส้นจะนุ่ม มีความหอมของหมี่ ที่สำคัญยังจัดเต็มเครื่องแน่นด้วยกันถึง 9 อย่างและแป้งอีก 3 อย่าง บอกเลยว่าเป็นเมนูที่ใครลองก็ติดใจ! เคล็ดลับความหวานของอาอี๊ หวานเย็น บอกก่อนว่าอาอี๊เป็นคนเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างด้วยตัวเอง ทุกขั้นตอนเราค่อนข้างพิถีพิถัน เชื่อมเอง ต้มเองทุกอย่าง อย่างเรื่องวัตถุดิบ เราเลือกใช้ของสดใหม่และคุณภาพดี เพื่อให้ได้รสชาติมาตรฐาน และที่เชงทึงของเรารสชาติหวานกลมกล่อมได้แบบนี้ เพราะว่าเราใช้น้ำตาลอ้อยและน้ำตาลทรายแดงของมิตรผล ที่ให้รสชาติไม่หวานเกินไปและสีสันที่น่ากิน รวมถึงกลิ่นหอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% เคล็ดลับความหวานอยู่ที่เราใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลต้มกับน้ำลำไย เริ่มจากการเอาลำไยไปต้มกับน้ำร้อนให้เดือดก่อน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และเคี่ยวให้น้ำตาลทรายแดงซึมเข้าเนื้อสักพัก เมื่อได้ที่แล้ว จะปล่อยให้เย็นตัวแล้วนำมาเสิร์ฟขายหน้าร้าน ซึ่งน้ำลำไยนี่แหละคือหัวใจหลัก ที่เราจะใส่ลงในเชงทึงหมี่หวาน เพื่อให้มีรสชาติหอมหวานกลมกล่อม กินแล้วหวานเย็นชื่นใจ นอกจากนี้เรายังใช้น้ำตาลทรายแดงของมิตรผลใส่ลงไปในเมนูอื่น …

พามารู้จักร้านดัง “Custard Nakamura ” เบเกอรี่ร้านดังย่านสุขุมวิท จัดเต็มหลากหลายขนมปังสุดน่ากิน แถมราคาโดนใจ ชื่อนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร