หมดเวลาทำน้ำเชื่อมเอง! มาปรับสูตรเครื่องดื่มให้อร่อยปังด้วย ‘น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว’ กันเถอะ

หมดเวลาทำน้ำเชื่อมเอง! มาปรับสูตรเครื่องดื่มให้อร่อยปังด้วย ‘น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว’ กันเถอะ “น้ำเชื่อม” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการชงเครื่องดื่ม ที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะมีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ น้ำตาล และน้ำ ซึ่งหลายคนมักต้มน้ำเชื่อมเอง เพราะสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามต้องการ หรือสามารถเพิ่มกลิ่นหอมได้ตามใจชอบ เช่น การใส่ใบเตย หรือดอกมะลิ เป็นต้น แต่บางครั้งการทำน้ำเชื่อมเองก็ได้สูตรไม่คงที่ และอาจเกิดการตกผลึกได้ วันนี้เราจึงมีข้อแนะนำการปรับสูตรจากน้ำเชื่อมทำเอง มาใช้ “น้ำเชื่อมสำเร็จรูป สูตรละลายเร็ว” มาฝาก เรามาดูวิธีการไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ น้ำเชื่อมทำเอง VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ต่างกันอย่างไร? น้ำเชื่อมทำเอง ส่วนใหญ่แล้วอัตราส่วนการทำน้ำเชื่อมแบบใสโดยทั่วไป จะอยู่ที่ 1 : 1 คือ น้ำตาล 1 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน (Brix 50) เช่น น้ำตาล 1 กก. แล้วนำไปละลายกับน้ำ 1 ลิตร จนน้ำเชื่อมมีลักษณะใส และพักให้เย็นลง หรือหากอยากได้น้ำเชื่อมที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้น อัตราส่วนจะอยู่ที่ 2 : 1 (Brix 65) คือ น้ำตาล 2 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน เช่น น้ำตาล 1 กก. จะละลายกับน้ำ 500 กรัม เป็นต้น น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว คือ น้ำเชื่อมสำเร็จรูป (Brix 65) ที่สามารถละลายได้เร็ว แม้ในเครื่องดื่มเย็น ทำให้ชงง่าย สะดวก ประหยัดเวลา โดยสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติง่ายๆ ดังนี้  จากการเปรียบเทียบข้างต้น จะเห็นได้ว่าการทำน้ำเชื่อมทำเอง ค่อนข้างมีข้อจำกัดหลายส่วน และหากต้องการปรับสูตรจากน้ำเชื่อมทำเอง เป็นน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ต้องใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ สามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้ น้ำเชื่อมทำเอง VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีต้นทุนต่างกันอย่างไร? ข้อสำคัญของการใช้ “น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว” คือ ช่วยประหยัดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าไฟหรือแก๊ส ไม่เสียเวลาในการต้มน้ำเชื่อมเอง และหากใช้ไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ โดยไม่ต้องเหลือทิ้ง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนวัตถุดิบ และช่วยเพิ่มกำไรได้อีกทางหนึ่งด้วย จากตารางเปรียบเทียบต้นทุนน้ำเชื่อมทำเองในแต่ละสูตร VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นแนวโน้มการใช้ต้นทุนได้อย่างชัดเจนขึ้น ข้อดีของการใช้น้ำเชื่อมละลายเร็ว ละลายได้ง่าย แม้ในเครื่องดื่มเย็น ให้ความหวานคงที่ ทำให้สูตรเครื่องดื่มได้มาตรฐาน  ช่วยประหยัดต้นทุน เช่น อุปกรณ์ แรงงาน ค่าไฟ/ค่าแก๊ส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มกำไรได้ง่ายๆ  หากใครต้องการที่จะปรับสูตรการชงเครื่องดื่ม และต้องการลดต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ แล้ว “น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล” ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้คุณสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และสามารถบริหารจัดการต้นทุนและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังคงรักษามาตรฐานรสชาติ และเครื่องดื่มของคุณให้คงที่ได้ 

อ่านบทความ

3 เคล็ดลับรังสรรค์สูตรน้ำจิ้ม น้ำยำให้อร่อยปัง

3 เคล็ดลับรังสรรค์สูตรน้ำจิ้ม น้ำยำให้อร่อยปัง คุณเคยไหมที่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำจิ้มหรือเตรียมน้ำยำกันเป็นวันๆ เพื่อให้ได้ความข้นหนืดคงที่ รสชาติคงตัว เพราะเราเข้าใจดีว่า “น้ำจิ้มหรือน้ำยำ” คือ ส่วนผสมหลักมัดใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มลูกชิ้น น้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำยำต่างๆ ซึ่งหากมีรสชาติหรือลักษณะเปลี่ยนไปก็อาจส่งผลต่อยอดขายได้ วันนี้เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยทำน้ำจิ้มหรือน้ำยำให้ได้มาตรฐาน รสชาติอร่อยปังมาฝากค่ะ 1.เลือกน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมที่ได้มาตรฐาน “น้ำตาล” เป็นวัตถุดิบสำคัญของการทำสูตรน้ำจิ้มหรือน้ำยำ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำตาลทั่วไปในการต้มเคี่ยวเอง แต่เมื่อทำในปริมาณเยอะๆ มักเจอปัญหาเรื่องความหนืด รสชาติ และสีสันที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกใช้วัตถุดิบโดยพิจารณาได้ดังนี้ 2.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสะดวกรวดเร็ว และถูกสุขอนามัย การเลือกใช้น้ำเชื่อมที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการเวลา และควบคุมการปรุงน้ำจิ้ม หรือน้ำยำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนาน สามารถช่วยลดบางขั้นตอนลงได้ และที่สำคัญสะอาด ถูกสุขอนามัย เนื่องจากอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่สัมผัสอากาศหรือสิ่งปนเปื้อนโดยตรง 3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มค่า ปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงคือ ความคุ้มค่า โดยพิจารณาจาก 3 ด้าน ดังนี้ คุ้มราคา ช่วยลดต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ เช่น ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าวัตถุดิบอื่นๆ เป็นต้น คุ้มเวลา ช่วยประหยัดเวลา หรือลดบางขั้นตอนลงได้ คุ้มคุณภาพ ช่วยตอบโจทย์การผลิต และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบทุกด้าน เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มักมีความเคยชินกับสูตรหรือรสชาติดั้งเดิม ดังนั้นเราควรหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมรสชาติอาหาร และได้มาตรฐานคงที่ เพื่อรักษาและคงความอร่อยไว้ได้นาน เช่นเดียวกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติสำคัญครบ ได้แก่ มีความข้นหนืด รัดตัว หรือเกาะวัตถุดิบต่างๆ ได้ดี มีความสะดวกสบายในการใช้ ประหยัดเวลา ไม่ต้องเคี่ยวนาน  ให้ความหวานคงที่ ไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยน และคงรสชาติความอร่อยไว้ได้ ให้สีสันของอาหารมีความฉ่ำวาว น่ารับประทาน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญของการรังสรรค์น้ำจิ้มหรือน้ำยำให้อร่อยปัง นอกจากมีสูตรหรือเอกลักษณ์พาะตัวแล้ว ผู้ประกอบการต้องคอยสังเกตและสอบถามผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำเสนอและต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนสามารถแข่งขันกับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านบทความ

เผยกลเม็ดเด็ด! เพิ่มมูลค่าขนมไทยอย่างไรให้ขายดี

เผยกลเม็ดเด็ด! เพิ่มมูลค่าขนมไทยอย่างไรให้ขายดี ปัจจุบันในวงการขนมและเบเกอรี่มีการแข่งขันสูง หลายคนผันตัวไปเป็นนักเบเกอรี่อย่างเต็มตัว และ ‘ขนมไทย’ เป็นขนมอีกประเภทที่ได้รับความนิยม โดยนักเบเกอรี่จะนำขนมไทยมาสร้างสรรค์ ดัดแปลงใหม่ให้น่าสนใจอยู่เสมอ และสิ่งสำคัญคือ การรักษาเสน่ห์ของขนมไทยให้ครองใจ ตลอดจนเพิ่มกำไรให้ธุรกิจได้ แล้วเราจะมีวิธีเพิ่มมูลค่าขนมไทยอย่างไร มาดูกันเลย 1.ปรุงความหวานให้คงที่ และพอดี ด้วยความหวานเลี่ยนที่เกินพอดี จึงเป็นสาเหตุหลักที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจขนมไทยมากนัก และสาเหตุสำคัญคือ ผู้ประกอบการบางรายไม่มีการชั่ง ตวงที่แน่นอน แต่ใช้วิธีประเมินปริมาณด้วยความเคยชิน จนทำให้รสชาติหวานแหลม หวานเลี่ยนจนเกินพอดี วิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยปรุงความหวานให้พอดี มีรสชาติคงที่คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่ให้ความหวานกลมกล่อมคงที่ได้โดยไม่ต้องคาดเดารสชาติ ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว และไม่ทำให้รสชาติความหวานเปลี่ยนไป 2.ปรับหน้าตาให้สวยงามดูน่ารับประทาน ขนมไทยที่ถูกปรุงเสร็จใหม่ๆ ย่อมมีหน้าตา สีสันสวยงาม แต่เมื่อวางทิ้งไว้สักพักก็เริ่มมีหน้าตาที่เปลี่ยนไป สีซีดลง ขนมดูแห้ง หรือบางครั้งมีเกล็ดน้ำตาลที่กลับมาตกผลึกเกาะอยู่ที่ตัวขนม ทำให้ดูไม่น่ารับประทาน วิธีการแก้ไขง่ายๆ คือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล แทนการใช้น้ำตาลทราย เพราะจะช่วยให้ขนมดูสวยเนียน ฉ่ำวาว มันเงาขึ้น ทำให้ขนมดูน่ารับประทาน และคงสีสันให้สวยงามมันเงายิ่งขึ้น 3.ปังด้วยการสร้างความแตกต่าง ขนมไทย เป็นขนมที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ด้วยความประณีต และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่อดีต ดังนั้นวิธีนำเสนอขนมไทยให้ปัง คือ การเพิ่มมูลค่าได้ง่ายๆ ด้วยการสร้างความแตกต่าง เช่น การประยุกต์วิธีการนำเสนอให้น่าสนใจ การปรับแต่งหน้าขนมไทยอย่างสร้างสรรค์ และให้ดูแตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สินค้าแตกต่างจากคู่แข่ง และน่าสนใจมากขึ้นแล้ว ความจริงแล้วขนมไทย เป็นขนมที่มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่การทำให้ขนมไทยน่ารับประทาน มันเงา มีรสชาติอร่อย คงที่ ต้องอาศัยตัวช่วยดีๆ อย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จะยิ่งช่วยให้ขนมไทยอร่อยยิ่งขึ้น และที่สำคัญผู้ประกอบการก็ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อให้สินค้าได้มาตรฐาน อร่อยปังด้วยเช่นกัน

อ่านบทความ

ยิ่งรู้ยิ่งรอด! เคล็ดลับช่วยจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นได้ทันที

ยิ่งรู้ยิ่งรอด! เคล็ดลับช่วยจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นได้ทันที เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง … จะดีแค่ไหนถ้ามีตัวช่วย ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง? สำหรับผู้ประกอบการแล้ว เวลาแต่ละนาทีล้วนมีค่าอย่างมาก เพราะหากบริหารจัดการเวลาไม่ดี ย่อมส่งผลต่อการจัดการส่วนอื่นๆ เป็นลูกโซ่ ผู้ประกอบการหลายรายจึงมองหา “ตัวช่วย” เพื่อช่วยลดขั้นตอน ช่วยให้สะดวกยิ่งขึ้น และที่สำคัญต้องช่วยประหยัดต้นทุนด้วย โดยเฉพาะการเสียเวลาไปกับการเคี่ยวหรือต้มน้ำเชื่อมใช้เองที่ร้าน ถ้าได้ตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผลจะช่วยให้คุณบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ดังนี้ ละลายง่ายกว่า และรสชาติคงที่มากกว่า คุณสมบัติสำคัญของน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว คือ ละลายง่ายแม้ในน้ำเย็น ให้รสชาติความหวานคงที่ กลมกล่อม และช่วยคงสีสันของเครื่องดื่มให้ดูน่ารับประทาน นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังง่ายต่อการใช้งาน สามารถเปิดใช้ได้ทันที ช่วยให้ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาจัดการงานอื่นๆ ได้อีกมาก ลดต้นทุนวัตถุดิบ ช่วยเพิ่มกำไรได้ ข้อสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล คือ ช่วยประหยัดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าไฟหรือแก๊ส ไม่เสียเวลาในการต้มน้ำเชื่อมเอง และหากใช้ไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ โดยไม่ต้องเหลือทิ้ง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนวัตถุดิบ และช่วยเพิ่มกำไรได้อีกทางหนึ่งด้วย จากตารางเปรียบเทียบต้นทุนน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว VS น้ำเชื่อมทำเอง จะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นแนวโน้มการใช้ต้นทุนได้อย่างชัดเจนขึ้น *ค่าน้ำตาล 22 บาท/กก. และน้ำกรอง ลิตรละ 1 บาท ต้องเติมเผื่อน้ำระเหยระหว่างเคี่ยว**ปัจจุบันราคาแก๊สหุงต้ม 318 บาทต่อถัง 15กก. (21.2บาท/กก.) อ้างอิงจากราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ราคา 18.13 บาท/กก.หากทำอาหารนาน 10 นาที จะสูญเสียก๊าซหุงต้ม คิดเป็นเงิน 3 บาท (กระทรวงพลังงาน)***ค่าแรงขั้นต่ำจังหวัดกรุงเทพ 331 บาท/วัน จากทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่า ‘เวลา’ เป็นสิ่งสำคัญของผู้ประกอบการในการบริหารจัดการงานให้สำเร็จลุล่วง หากมีตัวช่วยดีๆ อย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล ก็จะสามารถช่วยลดขั้นตอนการผลิต ลดต้นทุน และลดแรงในการเคี่ยวน้ำเชื่อม ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปให้ความสำคัญกับงานส่วนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

อ่านบทความ

3 ทางแก้ ช่วยสร้างสรรค์ขนมหวานและเบเกอรี่ให้อร่อยปัง

3 ทางแก้ ช่วยสร้างสรรค์ขนมหวานและเบเกอรี่ให้อร่อยปัง สวยทั้งรูป จูบแล้วต้องอร่อย! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนมหวาน หรือเบเกอรี่ของเรานั้นคือ “หน้าตาต้องดูดี” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างแรกที่ทำให้ลูกค้าหยุดเพื่อชิมหรือถ่ายรูปเมนูของเรา แต่บางครั้งก็เกิดปัญหาจากการที่ผู้ประกอบการเลือกใช้น้ำตาลไม่เหมาะกับขนมแต่ละประเภท จนส่งผลให้ขนมหวาน หรือเบเกอรี่ดูไม่น่ารับประทาน แล้วปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้อย่างไร เรามีทางแก้ไขง่ายๆ ดังนี้ 1.ปัญหา : ยิ่งเคี่ยว น้ำตาลยิ่งตกผลึก สาเหตุ : ปัญหาการตกผลึก คือเกิดจากการเคี่ยวน้ำเชื่อมให้เข้มข้นอิ่มตัวจนไม่สามารถละลายได้อีก ส่วนมากเกิดหลังจากใส่น้ำ เทน้ำตาลแล้วคนทันที วิธีการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำตาลตกผลึก นอกจากนี้อีกหนึ่งสาเหตุของน้ำตาลตกผลึก คือ การประเมินปริมาณน้ำตาล และปริมาณน้ำไม่ถูกสัดส่วน เมื่อน้ำตาลทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิ ความดัน จะเกิดความอิ่มตัวของสารจนเกิดเป็นผลึกได้ วิธีแก้ไข : เลือกใช้น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล เพราะง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน ไม่ตกผลึก 2.ปัญหา : เกิดจุดสีขาว บนผิวหน้าเค้ก สาเหตุ : เกิดจากการเลือกใช้น้ำตาลทรายหยาบ ซึ่งส่งผลให้ละลายช้า ทำให้เกิดจุดสีขาว หรือขึ้นผลึกบนผิวหน้าเค้ก วิธีแก้ไข : เลือกใช้น้ำตาลเบเกอรี่ เพราะมีเกล็ดเล็ก เนียนละเอียดกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป ทำให้ละลายเข้ากับส่วนผสมอื่นๆได้ง่ายกว่า หรือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล เพราะละลายได้ง่ายและเร็วกว่า ป้องกันการเกิดจุดสีขาวบนผิวหน้าเค้ก 3.ปัญหา : ฟัดจ์มีความหนืด ด้าน เทบนหน้าเค้กแล้วไม่เรียบเนียน สาเหตุ : เกิดจากการใช้ไฟแรง ตุ๋นซอสนานเกินไป และการใช้น้ำตาลเม็ดหยาบ ละลายยาก หรือใส่น้อยเกินไปจนเกิดความด้าน วิธีแก้ไข : เวลาตุ๋นซอสควรใช้ไฟอ่อนๆ และกวนไปเรื่อยๆ จนหนืดได้ที่แล้วยกออก เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผลแทนการใช้น้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อให้ฟัดจ์มีความนุ่มละมุน ฉ่ำวาว ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น จากปัญหาในการทำขนมหวาน หรือเบเกอรี่ที่พบส่วนใหญ่ จะมีขั้นตอน และรายละเอียดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบอย่างน้ำตาล เพราะจะส่งผลต่อเบเกอรี่ของเราได้ ซึ่งอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ คือ เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลทราย เป็นผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ขนมหวาน และเบเกอรี่ของคุณอร่อยปังง่ายๆ ดังนี้ มีความเข้มข้นกำลังดี ไม่ตกผลึก หรือเป็นเกล็ดน้ำตาล ช่วยให้เบเกอรี่มีความนุ่มฉ่ำ มันวาว สวยงาม ดูน่ารับประทาน ให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐาน ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ เป็นต้น ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลายืนเคี่ยวนาน น้ำตาลถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการทำขนมหวานหรือเบเกอรี่ แต่บางครั้งการใช้น้ำตาลทรายอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ผลตามเป้า …

อ่านบทความ

ติดรสหวาน..แต่ก็อยากคุมน้ำตาลด้วย ทำไงดี?

ติดรสหวาน..แต่ก็อยากคุมน้ำตาลด้วย ทำไงดี?ลองนี่! มิตรผล ไลท์ ชูการ์ ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ ใช้แค่ครึ่งของที่เคยเติม ก็ให้รสชาติหวานแบบน้ำตาลที่คุณคุ้นเคย ผลิตภัณฑ์มิตรผล ไลท์ ชูการ์ 1 ช้อนชา ให้ความหวานเท่ากับน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ใช้ได้กับทุกเมนู เหมาะกับเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่ม สามารถใช้ปรุงอาหารได้ทั้งอาหารร้อนและเย็น กรรมวิธีผลิตเฉพาะ Dry Blend ผสานข้อดีของน้ำตาลทรายและสารให้ความหวาน ให้รสชาติอร่อยเต็มที่ แต่แคลอรีลดลง 50% แล้วต้องคุมน้ำตาลแบบไหนถึงพอดี? ลดน้ำตาล เป็นคำที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากจริงๆนะ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบรสหวาน พอจะต้องลดเป็นเวลานานๆ ร่างกายก็โหยหาอยากกินมากกว่าเดิม  การควบคุมปริมาณอาหารและน้ำตาล จึงเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างยั่งยืน เพราะน้ำตาลที่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่มในแต่ละวัน หากรับประทานมากจนเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายอยู่ในภาวะดื้ออินซูลิน มีการสะสมของไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะไขมันบริเวณพุงซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ  โดยปริมาณน้ำตาลที่รับประทานได้ในแต่ละวัน ควรเท่ากับ 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย (เป็นค่าโดยประมาณ) แต่หมอเชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านอยู่นี้ น่าจะรับประทานเกินโควตากันแน่นอน วิธีการลดน้ำตาลนั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น วิธีการล้างลิ้นให้หัดรับรส โดยค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่รับประทานเป็นประจำลง แล้วใช้อาหารที่มีรสหวานตามธรรมชาติแทน เช่น ผลไม้ ลูกฟิก ซึ่งมี natural sugar เป็นตัวทดแทน เมื่อฝึกลดความหวานไปเรื่อย ๆ ลิ้นจะค่อยๆกลับมาคุ้นชินกับรสตามธรรมชาติและติดหวานน้อยลง  ฟังแล้วดูยุ่งยาก!  เดี๋ยวนี้การลดน้ำตาลไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะเรามีทางเลือกใหม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เพิ่งมีในไทย คือ น้ำตาลแบบไลท์ ซึ่งให้พลังงานลดลง 50% เพราะใช้สารให้ความหวาน Erythritol และ Sucralose ซึ่งเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ (sugar alcohol) ที่ผ่านการยอมรับจากองค์การอาหารและยาของทั้งอเมริกาและไทย   Erythritol (อีริทริทอล) มีรสชาติคล้ายน้ำตาลทราย ผลิตจากกระบวนการหมักกลูโคสด้วยยีสต์ ให้ความหวานแค่ 60-70% ของน้ำตาลทราย ให้พลังงาน 0.2 กิโลแคลอรีต่อกรัม หรือเกือบเท่ากับศูนย์ ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และแบคทีเรียในช่องปากไม่สามารถย่อยได้จึงไม่ทำให้ฟันผุเหมือนน้ำตาลทราย  Sucralose (ซูคราโลส) ผลิตจากน้ำตาล Sucrose (ที่มาจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ) ไม่มีแคลอรี และหวานกว่าญาติผู้พี่คือ ซูโครสหรือน้ำตาลทรายประมาณ 600 เท่า และยังสามารถทนความร้อน ทำให้สามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง ไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบการเจริญพันธุ์และระบบประสาทต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้น้ำตาลแบบไลท์จะมีแคลอรี่ลดลง 50% แต่ก็ต้องรับประทานแต่พอดี และในแต่ละมื้ออาหาร ควรจะมีโปรตีนดีและเส้นใยอาหารร่วมด้วยเสมอ การจะลดน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพให้ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน ต้องเลือกดูแลในแบบทางสายกลาง …

อ่านบทความ

หมดเวลาทำน้ำเชื่อมเอง! มาปรับสูตรเครื่องดื่มให้อร่อยปังด้วย ‘น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว’ กันเถอะ “น้ำเชื่อม” เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของการชงเครื่องดื่ม ที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะมีส่วนประกอบอยู่ 2 ส่วน คือ น้ำตาล และน้ำ ซึ่งหลายคนมักต้มน้ำเชื่อมเอง เพราะสามารถเลือกระดับความหวานได้ตามต้องการ หรือสามารถเพิ่มกลิ่นหอมได้ตามใจชอบ เช่น การใส่ใบเตย หรือดอกมะลิ เป็นต้น แต่บางครั้งการทำน้ำเชื่อมเองก็ได้สูตรไม่คงที่ และอาจเกิดการตกผลึกได้ วันนี้เราจึงมีข้อแนะนำการปรับสูตรจากน้ำเชื่อมทำเอง มาใช้ “น้ำเชื่อมสำเร็จรูป สูตรละลายเร็ว” มาฝาก เรามาดูวิธีการไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ น้ำเชื่อมทำเอง VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ต่างกันอย่างไร? น้ำเชื่อมทำเอง ส่วนใหญ่แล้วอัตราส่วนการทำน้ำเชื่อมแบบใสโดยทั่วไป จะอยู่ที่ 1 : 1 คือ น้ำตาล 1 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน (Brix 50) เช่น น้ำตาล 1 กก. แล้วนำไปละลายกับน้ำ 1 ลิตร จนน้ำเชื่อมมีลักษณะใส และพักให้เย็นลง หรือหากอยากได้น้ำเชื่อมที่มีรสชาติเข้มข้นขึ้น อัตราส่วนจะอยู่ที่ 2 : 1 (Brix 65) คือ น้ำตาล 2 ส่วน และน้ำ 1 ส่วน เช่น น้ำตาล 1 กก. จะละลายกับน้ำ 500 กรัม เป็นต้น น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว คือ น้ำเชื่อมสำเร็จรูป (Brix 65) ที่สามารถละลายได้เร็ว แม้ในเครื่องดื่มเย็น ทำให้ชงง่าย สะดวก ประหยัดเวลา โดยสามารถเปรียบเทียบคุณสมบัติง่ายๆ ดังนี้  จากการเปรียบเทียบข้างต้น จะเห็นได้ว่าการทำน้ำเชื่อมทำเอง ค่อนข้างมีข้อจำกัดหลายส่วน และหากต้องการปรับสูตรจากน้ำเชื่อมทำเอง เป็นน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ต้องใช้อัตราส่วนเท่าไหร่ สามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้ น้ำเชื่อมทำเอง VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีต้นทุนต่างกันอย่างไร? ข้อสำคัญของการใช้ “น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว” คือ ช่วยประหยัดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าไฟหรือแก๊ส ไม่เสียเวลาในการต้มน้ำเชื่อมเอง และหากใช้ไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ โดยไม่ต้องเหลือทิ้ง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนวัตถุดิบ และช่วยเพิ่มกำไรได้อีกทางหนึ่งด้วย จากตารางเปรียบเทียบต้นทุนน้ำเชื่อมทำเองในแต่ละสูตร VS น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นแนวโน้มการใช้ต้นทุนได้อย่างชัดเจนขึ้น ข้อดีของการใช้น้ำเชื่อมละลายเร็ว ละลายได้ง่าย แม้ในเครื่องดื่มเย็น ให้ความหวานคงที่ ทำให้สูตรเครื่องดื่มได้มาตรฐาน  ช่วยประหยัดต้นทุน เช่น อุปกรณ์ แรงงาน ค่าไฟ/ค่าแก๊ส ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มกำไรได้ง่ายๆ  หากใครต้องการที่จะปรับสูตรการชงเครื่องดื่ม และต้องการลดต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ แล้ว “น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล” ถือเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้คุณสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น และสามารถบริหารจัดการต้นทุนและเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยยังคงรักษามาตรฐานรสชาติ และเครื่องดื่มของคุณให้คงที่ได้ 

3 เคล็ดลับรังสรรค์สูตรน้ำจิ้ม น้ำยำให้อร่อยปัง คุณเคยไหมที่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำจิ้มหรือเตรียมน้ำยำกันเป็นวันๆ เพื่อให้ได้ความข้นหนืดคงที่ รสชาติคงตัว เพราะเราเข้าใจดีว่า “น้ำจิ้มหรือน้ำยำ” คือ ส่วนผสมหลักมัดใจลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นน้ำจิ้มไก่ น้ำจิ้มลูกชิ้น น้ำจิ้มซีฟู้ด หรือน้ำยำต่างๆ ซึ่งหากมีรสชาติหรือลักษณะเปลี่ยนไปก็อาจส่งผลต่อยอดขายได้ วันนี้เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยทำน้ำจิ้มหรือน้ำยำให้ได้มาตรฐาน รสชาติอร่อยปังมาฝากค่ะ 1.เลือกน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมที่ได้มาตรฐาน “น้ำตาล” เป็นวัตถุดิบสำคัญของการทำสูตรน้ำจิ้มหรือน้ำยำ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่นิยมใช้น้ำตาลทั่วไปในการต้มเคี่ยวเอง แต่เมื่อทำในปริมาณเยอะๆ มักเจอปัญหาเรื่องความหนืด รสชาติ และสีสันที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกใช้วัตถุดิบโดยพิจารณาได้ดังนี้ 2.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสะดวกรวดเร็ว และถูกสุขอนามัย การเลือกใช้น้ำเชื่อมที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการเวลา และควบคุมการปรุงน้ำจิ้ม หรือน้ำยำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะไม่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนาน สามารถช่วยลดบางขั้นตอนลงได้ และที่สำคัญสะอาด ถูกสุขอนามัย เนื่องจากอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย ไม่สัมผัสอากาศหรือสิ่งปนเปื้อนโดยตรง 3.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ให้ความคุ้มค่า ปัจจัยสำคัญที่ผู้ประกอบการควรคำนึงถึงคือ ความคุ้มค่า โดยพิจารณาจาก 3 ด้าน ดังนี้ คุ้มราคา ช่วยลดต้นทุน หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ เช่น ค่าไฟ ค่าแก๊ส ค่าวัตถุดิบอื่นๆ เป็นต้น คุ้มเวลา ช่วยประหยัดเวลา หรือลดบางขั้นตอนลงได้ คุ้มคุณภาพ ช่วยตอบโจทย์การผลิต และตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบทุกด้าน เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มักมีความเคยชินกับสูตรหรือรสชาติดั้งเดิม ดังนั้นเราควรหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมรสชาติอาหาร และได้มาตรฐานคงที่ เพื่อรักษาและคงความอร่อยไว้ได้นาน เช่นเดียวกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติสำคัญครบ ได้แก่ มีความข้นหนืด รัดตัว หรือเกาะวัตถุดิบต่างๆ ได้ดี มีความสะดวกสบายในการใช้ ประหยัดเวลา ไม่ต้องเคี่ยวนาน  ให้ความหวานคงที่ ไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยน และคงรสชาติความอร่อยไว้ได้ ให้สีสันของอาหารมีความฉ่ำวาว น่ารับประทาน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญของการรังสรรค์น้ำจิ้มหรือน้ำยำให้อร่อยปัง นอกจากมีสูตรหรือเอกลักษณ์พาะตัวแล้ว ผู้ประกอบการต้องคอยสังเกตและสอบถามผู้บริโภคอยู่เสมอ เพื่อจะได้นำเสนอและต่อยอดธุรกิจ ตลอดจนสามารถแข่งขันกับตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เผยกลเม็ดเด็ด! เพิ่มมูลค่าขนมไทยอย่างไรให้ขายดี ปัจจุบันในวงการขนมและเบเกอรี่มีการแข่งขันสูง หลายคนผันตัวไปเป็นนักเบเกอรี่อย่างเต็มตัว และ ‘ขนมไทย’ เป็นขนมอีกประเภทที่ได้รับความนิยม โดยนักเบเกอรี่จะนำขนมไทยมาสร้างสรรค์ ดัดแปลงใหม่ให้น่าสนใจอยู่เสมอ และสิ่งสำคัญคือ การรักษาเสน่ห์ของขนมไทยให้ครองใจ ตลอดจนเพิ่มกำไรให้ธุรกิจได้ แล้วเราจะมีวิธีเพิ่มมูลค่าขนมไทยอย่างไร มาดูกันเลย 1.ปรุงความหวานให้คงที่ และพอดี ด้วยความหวานเลี่ยนที่เกินพอดี จึงเป็นสาเหตุหลักที่คนไม่ค่อยให้ความสนใจขนมไทยมากนัก และสาเหตุสำคัญคือ ผู้ประกอบการบางรายไม่มีการชั่ง ตวงที่แน่นอน แต่ใช้วิธีประเมินปริมาณด้วยความเคยชิน จนทำให้รสชาติหวานแหลม หวานเลี่ยนจนเกินพอดี วิธีการง่ายๆ ที่จะช่วยปรุงความหวานให้พอดี มีรสชาติคงที่คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่ให้ความหวานกลมกล่อมคงที่ได้โดยไม่ต้องคาดเดารสชาติ ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว และไม่ทำให้รสชาติความหวานเปลี่ยนไป 2.ปรับหน้าตาให้สวยงามดูน่ารับประทาน ขนมไทยที่ถูกปรุงเสร็จใหม่ๆ ย่อมมีหน้าตา สีสันสวยงาม แต่เมื่อวางทิ้งไว้สักพักก็เริ่มมีหน้าตาที่เปลี่ยนไป สีซีดลง ขนมดูแห้ง หรือบางครั้งมีเกล็ดน้ำตาลที่กลับมาตกผลึกเกาะอยู่ที่ตัวขนม ทำให้ดูไม่น่ารับประทาน วิธีการแก้ไขง่ายๆ คือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล แทนการใช้น้ำตาลทราย เพราะจะช่วยให้ขนมดูสวยเนียน ฉ่ำวาว มันเงาขึ้น ทำให้ขนมดูน่ารับประทาน และคงสีสันให้สวยงามมันเงายิ่งขึ้น 3.ปังด้วยการสร้างความแตกต่าง ขนมไทย เป็นขนมที่มีคุณค่าอยู่ในตัวเอง ด้วยความประณีต และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่อดีต ดังนั้นวิธีนำเสนอขนมไทยให้ปัง คือ การเพิ่มมูลค่าได้ง่ายๆ ด้วยการสร้างความแตกต่าง เช่น การประยุกต์วิธีการนำเสนอให้น่าสนใจ การปรับแต่งหน้าขนมไทยอย่างสร้างสรรค์ และให้ดูแตกต่าง เป็นเอกลักษณ์ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้สินค้าแตกต่างจากคู่แข่ง และน่าสนใจมากขึ้นแล้ว ความจริงแล้วขนมไทย เป็นขนมที่มีเสน่ห์ และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่การทำให้ขนมไทยน่ารับประทาน มันเงา มีรสชาติอร่อย คงที่ ต้องอาศัยตัวช่วยดีๆ อย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน จะยิ่งช่วยให้ขนมไทยอร่อยยิ่งขึ้น และที่สำคัญผู้ประกอบการก็ต้องพร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อให้สินค้าได้มาตรฐาน อร่อยปังด้วยเช่นกัน

ยิ่งรู้ยิ่งรอด! เคล็ดลับช่วยจัดการธุรกิจให้ดีขึ้นได้ทันที เพราะเวลาเป็นเงินเป็นทอง … จะดีแค่ไหนถ้ามีตัวช่วย ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง? สำหรับผู้ประกอบการแล้ว เวลาแต่ละนาทีล้วนมีค่าอย่างมาก เพราะหากบริหารจัดการเวลาไม่ดี ย่อมส่งผลต่อการจัดการส่วนอื่นๆ เป็นลูกโซ่ ผู้ประกอบการหลายรายจึงมองหา “ตัวช่วย” เพื่อช่วยลดขั้นตอน ช่วยให้สะดวกยิ่งขึ้น และที่สำคัญต้องช่วยประหยัดต้นทุนด้วย โดยเฉพาะการเสียเวลาไปกับการเคี่ยวหรือต้มน้ำเชื่อมใช้เองที่ร้าน ถ้าได้ตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผลจะช่วยให้คุณบริหารจัดการได้ง่ายขึ้น ดังนี้ ละลายง่ายกว่า และรสชาติคงที่มากกว่า คุณสมบัติสำคัญของน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว คือ ละลายง่ายแม้ในน้ำเย็น ให้รสชาติความหวานคงที่ กลมกล่อม และช่วยคงสีสันของเครื่องดื่มให้ดูน่ารับประทาน นอกจากนี้บรรจุภัณฑ์ยังง่ายต่อการใช้งาน สามารถเปิดใช้ได้ทันที ช่วยให้ประหยัดเวลาไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาจัดการงานอื่นๆ ได้อีกมาก ลดต้นทุนวัตถุดิบ ช่วยเพิ่มกำไรได้ ข้อสำคัญของการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล คือ ช่วยประหยัดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าไฟหรือแก๊ส ไม่เสียเวลาในการต้มน้ำเชื่อมเอง และหากใช้ไม่หมด ก็สามารถเก็บไว้ใช้ต่อได้ โดยไม่ต้องเหลือทิ้ง ช่วยให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนวัตถุดิบ และช่วยเพิ่มกำไรได้อีกทางหนึ่งด้วย จากตารางเปรียบเทียบต้นทุนน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว VS น้ำเชื่อมทำเอง จะช่วยให้ผู้ประกอบการเห็นแนวโน้มการใช้ต้นทุนได้อย่างชัดเจนขึ้น *ค่าน้ำตาล 22 บาท/กก. และน้ำกรอง ลิตรละ 1 บาท ต้องเติมเผื่อน้ำระเหยระหว่างเคี่ยว**ปัจจุบันราคาแก๊สหุงต้ม 318 บาทต่อถัง 15กก. (21.2บาท/กก.) อ้างอิงจากราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 ราคา 18.13 บาท/กก.หากทำอาหารนาน 10 นาที จะสูญเสียก๊าซหุงต้ม คิดเป็นเงิน 3 บาท (กระทรวงพลังงาน)***ค่าแรงขั้นต่ำจังหวัดกรุงเทพ 331 บาท/วัน จากทั้งหมด เราจะเห็นได้ว่า ‘เวลา’ เป็นสิ่งสำคัญของผู้ประกอบการในการบริหารจัดการงานให้สำเร็จลุล่วง หากมีตัวช่วยดีๆ อย่างผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว ตรามิตรผล ก็จะสามารถช่วยลดขั้นตอนการผลิต ลดต้นทุน และลดแรงในการเคี่ยวน้ำเชื่อม ทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปให้ความสำคัญกับงานส่วนอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

3 ทางแก้ ช่วยสร้างสรรค์ขนมหวานและเบเกอรี่ให้อร่อยปัง สวยทั้งรูป จูบแล้วต้องอร่อย! ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าติดใจขนมหวาน หรือเบเกอรี่ของเรานั้นคือ “หน้าตาต้องดูดี” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญอย่างแรกที่ทำให้ลูกค้าหยุดเพื่อชิมหรือถ่ายรูปเมนูของเรา แต่บางครั้งก็เกิดปัญหาจากการที่ผู้ประกอบการเลือกใช้น้ำตาลไม่เหมาะกับขนมแต่ละประเภท จนส่งผลให้ขนมหวาน หรือเบเกอรี่ดูไม่น่ารับประทาน แล้วปัญหาเหล่านี้จะแก้ได้อย่างไร เรามีทางแก้ไขง่ายๆ ดังนี้ 1.ปัญหา : ยิ่งเคี่ยว น้ำตาลยิ่งตกผลึก สาเหตุ : ปัญหาการตกผลึก คือเกิดจากการเคี่ยวน้ำเชื่อมให้เข้มข้นอิ่มตัวจนไม่สามารถละลายได้อีก ส่วนมากเกิดหลังจากใส่น้ำ เทน้ำตาลแล้วคนทันที วิธีการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำตาลตกผลึก นอกจากนี้อีกหนึ่งสาเหตุของน้ำตาลตกผลึก คือ การประเมินปริมาณน้ำตาล และปริมาณน้ำไม่ถูกสัดส่วน เมื่อน้ำตาลทำปฏิกิริยากับอุณหภูมิ ความดัน จะเกิดความอิ่มตัวของสารจนเกิดเป็นผลึกได้ วิธีแก้ไข : เลือกใช้น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล เพราะง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน ไม่ตกผลึก 2.ปัญหา : เกิดจุดสีขาว บนผิวหน้าเค้ก สาเหตุ : เกิดจากการเลือกใช้น้ำตาลทรายหยาบ ซึ่งส่งผลให้ละลายช้า ทำให้เกิดจุดสีขาว หรือขึ้นผลึกบนผิวหน้าเค้ก วิธีแก้ไข : เลือกใช้น้ำตาลเบเกอรี่ เพราะมีเกล็ดเล็ก เนียนละเอียดกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป ทำให้ละลายเข้ากับส่วนผสมอื่นๆได้ง่ายกว่า หรือ เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล เพราะละลายได้ง่ายและเร็วกว่า ป้องกันการเกิดจุดสีขาวบนผิวหน้าเค้ก 3.ปัญหา : ฟัดจ์มีความหนืด ด้าน เทบนหน้าเค้กแล้วไม่เรียบเนียน สาเหตุ : เกิดจากการใช้ไฟแรง ตุ๋นซอสนานเกินไป และการใช้น้ำตาลเม็ดหยาบ ละลายยาก หรือใส่น้อยเกินไปจนเกิดความด้าน วิธีแก้ไข : เวลาตุ๋นซอสควรใช้ไฟอ่อนๆ และกวนไปเรื่อยๆ จนหนืดได้ที่แล้วยกออก เลือกใช้ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผลแทนการใช้น้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อให้ฟัดจ์มีความนุ่มละมุน ฉ่ำวาว ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น จากปัญหาในการทำขนมหวาน หรือเบเกอรี่ที่พบส่วนใหญ่ จะมีขั้นตอน และรายละเอียดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบอย่างน้ำตาล เพราะจะส่งผลต่อเบเกอรี่ของเราได้ ซึ่งอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ คือ เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลทราย เป็นผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อม สูตรเข้มข้น ตรามิตรผล ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ขนมหวาน และเบเกอรี่ของคุณอร่อยปังง่ายๆ ดังนี้ มีความเข้มข้นกำลังดี ไม่ตกผลึก หรือเป็นเกล็ดน้ำตาล ช่วยให้เบเกอรี่มีความนุ่มฉ่ำ มันวาว สวยงาม ดูน่ารับประทาน ให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐาน ช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ เป็นต้น ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลายืนเคี่ยวนาน น้ำตาลถือเป็นวัตถุดิบสำคัญของการทำขนมหวานหรือเบเกอรี่ แต่บางครั้งการใช้น้ำตาลทรายอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ผลตามเป้า …

ติดรสหวาน..แต่ก็อยากคุมน้ำตาลด้วย ทำไงดี?ลองนี่! มิตรผล ไลท์ ชูการ์ ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักสุขภาพ ใช้แค่ครึ่งของที่เคยเติม ก็ให้รสชาติหวานแบบน้ำตาลที่คุณคุ้นเคย ผลิตภัณฑ์มิตรผล ไลท์ ชูการ์ 1 ช้อนชา ให้ความหวานเท่ากับน้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ใช้ได้กับทุกเมนู เหมาะกับเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่ม สามารถใช้ปรุงอาหารได้ทั้งอาหารร้อนและเย็น กรรมวิธีผลิตเฉพาะ Dry Blend ผสานข้อดีของน้ำตาลทรายและสารให้ความหวาน ให้รสชาติอร่อยเต็มที่ แต่แคลอรีลดลง 50% แล้วต้องคุมน้ำตาลแบบไหนถึงพอดี? ลดน้ำตาล เป็นคำที่พูดง่ายแต่ทำได้ยากจริงๆนะ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบรสหวาน พอจะต้องลดเป็นเวลานานๆ ร่างกายก็โหยหาอยากกินมากกว่าเดิม  การควบคุมปริมาณอาหารและน้ำตาล จึงเป็นปัจจัยหลักที่จะช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างยั่งยืน เพราะน้ำตาลที่เติมลงในอาหารและเครื่องดื่มในแต่ละวัน หากรับประทานมากจนเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายอยู่ในภาวะดื้ออินซูลิน มีการสะสมของไขมันส่วนเกิน โดยเฉพาะไขมันบริเวณพุงซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ  โดยปริมาณน้ำตาลที่รับประทานได้ในแต่ละวัน ควรเท่ากับ 6 ช้อนชาสำหรับผู้หญิง และ 9 ช้อนชาสำหรับผู้ชาย (เป็นค่าโดยประมาณ) แต่หมอเชื่อว่าหลายคนที่กำลังอ่านอยู่นี้ น่าจะรับประทานเกินโควตากันแน่นอน วิธีการลดน้ำตาลนั้นทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น วิธีการล้างลิ้นให้หัดรับรส โดยค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่รับประทานเป็นประจำลง แล้วใช้อาหารที่มีรสหวานตามธรรมชาติแทน เช่น ผลไม้ ลูกฟิก ซึ่งมี natural sugar เป็นตัวทดแทน เมื่อฝึกลดความหวานไปเรื่อย ๆ ลิ้นจะค่อยๆกลับมาคุ้นชินกับรสตามธรรมชาติและติดหวานน้อยลง  ฟังแล้วดูยุ่งยาก!  เดี๋ยวนี้การลดน้ำตาลไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะเรามีทางเลือกใหม่ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่เพิ่งมีในไทย คือ น้ำตาลแบบไลท์ ซึ่งให้พลังงานลดลง 50% เพราะใช้สารให้ความหวาน Erythritol และ Sucralose ซึ่งเป็นน้ำตาลแอลกอฮอล์ (sugar alcohol) ที่ผ่านการยอมรับจากองค์การอาหารและยาของทั้งอเมริกาและไทย   Erythritol (อีริทริทอล) มีรสชาติคล้ายน้ำตาลทราย ผลิตจากกระบวนการหมักกลูโคสด้วยยีสต์ ให้ความหวานแค่ 60-70% ของน้ำตาลทราย ให้พลังงาน 0.2 กิโลแคลอรีต่อกรัม หรือเกือบเท่ากับศูนย์ ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด และแบคทีเรียในช่องปากไม่สามารถย่อยได้จึงไม่ทำให้ฟันผุเหมือนน้ำตาลทราย  Sucralose (ซูคราโลส) ผลิตจากน้ำตาล Sucrose (ที่มาจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ) ไม่มีแคลอรี และหวานกว่าญาติผู้พี่คือ ซูโครสหรือน้ำตาลทรายประมาณ 600 เท่า และยังสามารถทนความร้อน ทำให้สามารถประกอบอาหารได้หลากหลาย ผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยต่อร่างกาย ไม่เป็นสารก่อมะเร็ง ไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งระบบการเจริญพันธุ์และระบบประสาทต่าง ๆ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้น้ำตาลแบบไลท์จะมีแคลอรี่ลดลง 50% แต่ก็ต้องรับประทานแต่พอดี และในแต่ละมื้ออาหาร ควรจะมีโปรตีนดีและเส้นใยอาหารร่วมด้วยเสมอ การจะลดน้ำหนักหรือดูแลสุขภาพให้ประสบความสำเร็จแบบยั่งยืน ต้องเลือกดูแลในแบบทางสายกลาง …