เพิ่มเสน่ห์ให้ทุกเมนูอีกขั้นด้วย น้ำตาล 6 ชนิด ที่คนครัวทุกคนควรรู้จัก

ถ้าพูดถึงเครื่องปรุงที่อยู่กับมนุษย์มาเนิ่นนาน นอกจากเกลือแล้วก็เห็นทีจะเป็น “น้ำตาล” นี่แหละค่ะ ที่ไม่ว่าจะทำอาหารประเภทไหน ๆ ทั้งคาวหวานหรือเครื่องดื่ม เมื่อได้ใส่น้ำตาลลงไปในอาหารก็จะเพิ่มความกลมกล่อมน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น เราอาจจะคุ้นชินกับเจ้าน้ำตาลสีขาวเม็ดละเอียดที่เห็นได้บ่อย ๆ บนโต๊ะอาหาร แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วน้ำตาลมีอยู่มากมายหลายชนิดและแต่ละชนิดก็ให้ความหวานที่เหมาะกับอาหารประเภทต่างๆแตกต่างกันไป เชื่อว่าบางเรื่องเพื่อน ๆ ก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนแน่ ๆ แต่บทความนี้จะทำให้เพื่อน ๆ ได้สาระแบบเน้น ๆ เพราะเราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับน้ำตาล 6 ชนิด อ่านจบกูรูเรื่องน้ำตาลเลยล่ะค่า! The art of Sugarlogy “เพิ่มเสน่ห์ความอร่อยให้ทุกจานด้วยการใช้น้ำตาลให้ถูกชนิด” #เติมเสน่ห์ให้ทุกจานด้วยน้ำตาลจากมิตรผล  1. น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวคือน้ำตาลซูโครส (sucrose) เป็นน้ำตาล (sugar) ที่เรียกกันทั่วไปว่าน้ำตาลทราย ที่ใช้เป็นสารให้ความหวานอย่างกว้างขวางทั่วโลก พบอยู่ในพืชและผลไม้หลายชนิด แต่ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตน้ำตาลทางการค้า คือ อ้อยและหัวบีท และน้ำตาลที่เราเห็นและเลือกใช้กันเป็นหลักก็คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์นั่นเอง น้ำตาลชนิดนี้มีลักษณะเป็นสีขาวมีความบริสุทธิ์สูง โดยทั่วไปนิยมนำไปบริโภคโดยตรงในการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เหมาะกับอาหาร: อาหารคาว, อาหารหวาน, เครื่องดื่ม, เบเกอรี 2. น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลเกล็ดสีธรรมชาติที่ผลิตจากอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี และผลิตอย่างพิถีพิถันโดยใช้สารเคมีน้อยทีสุดจนได้น้ำตาลสีธรรมชาติของน้ำอ้อย น้ำตาลชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอ้อย สีสันจากอ้อยธรรมชาติจะช่วยชูสีสันให้จานอาหารดูน่ากินมากขึ้น และให้รสชาติหวานอร่อยกลมกล่อมกำลังดี เหมาะสำหรับทุกเมนูคาวหวานที่ต้องการความอร่อยกลมกล่อมจากธรรมชาติ และต้องการชูสีสันของจานอาหาร เหมาะกับอาหาร: แกงไทย, น้ำจิ้ม, ขนมหวานไทย, ขนมปังสังขยา, ไส้ขนม, โรยหน้าขนมพัฟฟ์ หรือเพสทรีก่อนอบเพิ่มสีสันที่สวยงานน่ากิน 3. น้ำเชื่อม เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการแตกตัวของโมเลกุล ทำให้สามารอยู่ในรูปของของเหลว โดยไม่กลับมาตกผลึกอีกครั้งเหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารที่มีของเหลวเป็นหลัก โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำตาลจะไม่ละลาย หรือจะกลับมาตกผลึกได้ใหม่ และยังให้ความหวานที่สม่ำเสมอ ช่วยชูความฉ่ำวาวให้อาหารดูน่ากิน ละที่สำคัญช่วยประหยัดเวลาอีกด้วย เหมาะกับอาหาร: น้ำจิ้มต่าง ๆ, ผักดอง, น้ำสลัด, กล้วยเชื่อม, มันเชื่อม, ทำบัตเตอร์ครีม, หน้าฟัดจ์, แยมท็อปปิง, น้ำปั่น 4. น้ำตาลทรายแดง ที่คนไทยจะรู้จักดีในชื่อน้ำตาลโอวทึ้ง หรือน้ำตาลที่เอาไว้ใส่เฉาก๊วย แต่จริง ๆ แล้วน้ำตาลชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับความหวานหอมของหลายเมนู ลักษณะเป็นผงคล้ายทรายละเอียด มีความชื้นสูงกว่าน้ำตาลทั่วไปทำให้บางครั้งจับตัวเป็นก้อนให้รสกับกลิ่นที่หอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากอ้อยอย่างชัดเจน ผลิตจากการต้มเคี่ยวน้ำเชื่อมอ้อยนำมาทำให้เป็นผงแล้วนำไปอบแห้ง และน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนทำให้บริสุทธิ์เท่าน้ำตาลทรายขาวจึงมีรสที่หวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่ให้กลิ่นหอมหวานและสีจากอ้อยที่โดดเด่น จึงมักนำไปทำเมนูที่ต้องการสีสันและความหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับอาหาร: ซี่โครงหมูน้ำแดง, ขาหมู, บัวลอยน้ำขิง, บราวนี, ชานมไข่มุกบราวน์ชูการ์ …

อ่านบทความ

เผยเคล็ดลับความอร่อย “น้ำเชื่อม” จุดขายร้านกาแฟมืออาชีพ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคปัจจุบันนี้ยังคงเป็นยุคทองของการทำธุรกิจอาหารการกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดธุรกิจ “ร้านคาเฟ่” ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องมีการปรับตัวไปตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้ยากเกินจะรับมือ ดังนั้นการแข่งขันที่แท้จริงจึงตกมาอยู่ที่เรื่องของ “รสชาติ” นอกจากเมล็ดกาแฟที่ต้องคัดสรรพันธุ์พิเศษให้เป็นเอกลักษณ์ของที่ร้านแล้ว เรื่องการรักษามาตรฐานให้คงที่สม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น การรักษามาตรฐานความหวาน จากน้ำเชื่อมที่ร้านกาแฟเลือกใช้ในการผสมเครื่องดื่ม ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญจากอีกหลาย ๆ องค์ประกอบ ลองมาดูกันดีกว่า ว่าจะมีอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการมือใหม่ควรให้ความใส่ใจ เพื่อก้าวแรกที่มั่นคงในสนามแข่งขันธุรกิจร้านคาเฟ่ สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสม องค์ประกอบแรกของการทำธุรกิจ ในที่นี้คือการเปิดร้านคาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านกาแฟที่เน้นขายเพียงเมนูเครื่องดื่ม ก็ควรจะต้องเริ่มจากเรื่องพื้นฐานอย่างการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความชื่นชอบ เจาะข้อมูลเชิงลึกมาเพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการขาย โดยยึดจากความเข้าใจลูกค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวแม้จะสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ แต่เมื่อเปิดร้านไปแล้วก็ยังคงต้องสำรวจกันอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคต่างก็เปลี่ยนไปตามปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สดใหม่อยู่เสมอ จึงจะช่วยให้คุณสามารถเปิดร้านได้อย่างเข้าใจลูกค้า พร้อมมัดใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น ปรับเมนูเครื่องดื่ม สร้างเอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของร้าน เมื่อค้นพบถึงความชอบจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคกันไปแล้ว ขั้นตอนถัดมาที่จะช่วยให้คุณสามารถส่งมอบความอร่อยได้อย่างตรงใจ พร้อมตอบสนองความชอบของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด จะต้องนำข้อมูลที่ได้เอามาวิเคราะห์เพื่อคิดค้นเมนูที่สามารถมัดใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอยู่หมัด ไปพร้อม ๆ กับการสร้างเอกลักษณ์รสชาติที่แตกต่าง รวมถึงการเสริมเรื่องหน้าตาการตกแต่งเมนูให้โดดเด่น เพราะอย่าลืมว่านอกจากรสชาติถูกปาก อร่อยถูกใจ ความสวยงามก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในยุคของ Camera Eat First ที่จะทำให้ร้านได้รับความนิยม และถูกบอกต่อเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม การคิดค้นสูตรใหม่เพื่อสร้าง Selling Point เฉพาะตัว เรื่องของสูตรก็เป็นอะไรที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างพิถีพิถัน เมื่อการชงเครื่องดื่มเมนูที่อยู่นอกเหนือสูตรมาตรฐานรสชาติทั่วไป การควบคุมคุณภาพและรสชาติให้คงที่จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน โดยพระเอกหลักที่ขึ้นตรงกับผลลัพธ์ด้านรสชาติคือ “เมล็ดกาแฟ” และ “น้ำเชื่อมสำหรับผสมเครื่องดื่ม” นั่นเอง แหล่งเมล็ดกาแฟ และเอกลักษณ์ความหอม องค์ประกอบถัดมาของการเปิดร้านกาแฟให้พร้อมมัดใจลูกค้าด้วยรสชาติ คือการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ตอบโจทย์ทั้งความชอบ และพฤติกรรมการดื่มกาแฟของลูกค้าที่ร้านของเรา ยิ่งในยุคทองของร้านคาเฟ่ที่การแข่งขันสูง การเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน เลือกด้วยความเข้าใจ ยิ่งมีผลกับการสร้างยอดขายเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น เมล็ดกาแฟที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไทย กล่าวคือเป็น “Safe Zone” ของการเปิดร้านคาเฟ่ คงจะขาดกาแฟโรบัสต้าและกาแฟอาราบิก้าไปไม่ได้ ด้วยรสชาติที่คุ้นเคยกับต่อมรับรส ทั้งยังเข้าถึงง่าย ทำให้คุณสามารถรังสรรค์เมนูได้โดยไม่ต้องกลัวถึงความซับซ้อนของกลิ่นที่จะไปทำลายอรรถรสในการดื่มของลูกค้า  อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มเมนูทางเลือก เจาะลึกลงไปในกลุ่มลูกค้านักดื่มกาแฟตัวยงด้วยเมล็ดกาแฟที่แตกต่าง การมองหาซัพพลายเออร์เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง เพื่อค้นพบมิติใหม่ ๆ ในรสชาติ และนำไปต่อยอดเป็นเมนูที่ดึงเอาจุดเด่นของรสชาติกาแฟออกมาใช้แบบเต็มประสิทธิภาพก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อย อย่างไรก็ดี การทำเมนูที่ก้าวไปถึงขั้นของ Specialty Coffee ก็ควรจะมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พิเศษ เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างที่ต้องการ คุณภาพวัตถุดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้ำเชื่อมที่ใช้ผสมเครื่องดื่ม! ยังคงสอดคล้องกับเทคนิคก้าวแรกในการเปิดร้านด้วยการวิเคราะห์กระแสที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค สิ่งหนึ่งที่จะค้นพบคือพฤติกรรมการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และผู้บริโภรคชอบที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกรังสรรค์รสชาติตามใจตัวเอง มากกว่าการดื่มตามสูตรที่อาจจะไม่ถูกปาก ถูกลิ้นเหมือนที่เคย นั่นจึงแปลว่าการทำร้านคาเฟ่ในยุคทองเช่นนี้ แทนที่จะใช้ขั้นตอนการทำเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมที่ให้บาริสต้ายึดตามสูตรเพื่อรักษามาตรฐานให้คงที่ ก็หันมาเพิ่มความหลากหลายของสูตร เพื่อรองรับรสชาติที่แตกต่างในแต่ละเมนู เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นส่วนหนึ่งในการปรับแต่งความหวาน ในส่วนนี้น้ำเชื่อมผสมเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟเลือกใช้จึงต้องมีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถควบคุมรสชาติได้อย่างคงที่ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น  น้ำเชื่อมละลายเร็ว …

อ่านบทความ

แจกไอเดียเมนูสร้างรายได้จากโกลเด้น ไซรัป เอาไปทำอะไรได้บ้าง?

ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมสำเร็จรูปให้ระดับความหวานแบบคงที่ ต้องโกลเด้น ไซรัป ตรามิตรผล พร้อมเผยเมนูเด็ดสร้างรายได้ ทำง่าย อร่อยมาก!

อ่านบทความ

น้ำเชื่อมเข้มข้น’ ความหวานจากวัตถุดิบธรรมชาติที่แตกต่าง

ไขข้อข้องใจ ทำไมน้ำเชื่อมถึงมีหลากหลายสีสัน พร้อมพาไปรู้จักประเภทและแหล่งที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติถึง 4 ประเภท และแนะนำวิธีเลือกไซรัปที่เหมาะสม

อ่านบทความ

อยากสำเร็จต้องอ่าน! แกะสูตรสำเร็จของ After Yum สร้างแบรนด์อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ

After Yum ร้านยำเบอร์หนึ่งของประเทศ กว่าจะสำเร็จแบบวันนี้มีเคล็ดลับยังไง ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารเกิดขึ้นมากมาย ทั้งแบบหน้าร้าน และแบบออนไลน์ ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการเลือกขาย คือ เมนูทำง่าย ขายได้เร็ว ลงทุนไม่เยอะ และคืนทุนได้ไว หนึ่งในนั้นก็คือเมนูยำ แต่การทำให้ลูกค้าติดใจจนก้าวขึ้นเป็นร้านยำเบอร์ต้นๆ ของประเทศในวันนี้ก็ไม่ง่าย ล้วนต้องผ่านบททดสอบมากมาย เช่นเดียวกับ After Yum ร้านยำอันดับหนึ่งของ ‘คุณแต๋ง – กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว’ และ ‘คุณดุจดิว – ‘ธีระวัฒน์ บุตรตะยา After Yum เริ่มเปิดขายตั้งแต่ปลายปี 2561 จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วประเทศ แต่กว่า After Yum จะประสบความสำเร็จแบบวันนี้ล้วนต้องผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่เดือนกลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่คุณแต๋งคิดไว้ ก็สร้างปรากฏการณ์จนกลายเป็นร้านยำที่ต้องจองคิวข้ามวัน มิตรผลจึงขอมาร่วมแกะสูตรสำเร็จของ After Yum ไปพร้อมกัน เพราะความ ‘อยากกินยำปู’ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ After Yum จุดเริ่มต้นของ After Yum เกิดจากวันที่เพื่อนสองคนนัดกันมาปรับทุกข์ และทานอาหารร่วมกันในช่วงปลายปี 2561 เมื่อคุณดุจดิวได้ลองชิมรสฝีมือยำปูของคุณแต๋งก็เกิดการเรียกร้องอยากทานยำทุกวัน จนตกลงกันเพื่อลองทำขาย จึงเริ่มขับรถตระเวนหาสถานที่ทั่วเมืองพัทยา จนมาเจอสถานที่ให้เช่าในปั๊มน้ำมันคาร์ลเท็กซ์ และก็เริ่มเปิดขาย After Yum  นับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ใครจะไปคิดว่าการตั้งเป้าหมายกันเพียงแค่ว่า After Yum จะเป็นเพียงร้านยำธุรกิจเล็กๆ หากขายไม่ได้ภายใน 3 เดือนค่อยเลิกทำ กลับกลายเป็นการสร้างปรากฏการณ์ร้านยำของเมืองไทยในวันนี้                เปิดร้านด้วยความกลัวไม่มีคนซื้อ แต่ก็ขายหมดภายใน 2 ชั่วโมง! สิ่งที่คุณแต๋งกลัวที่สุดของการเปิดร้าน คือกลัวคนจะไม่ซื้อ หรือทำผิดพลาดตกหล่น จึงมีความคิดที่ไม่กล้าขายจริงในวันแรก แต่เพื่อลองตลาดจึงเปลี่ยนเป็นการทดสอบระบบร้าน และชวนคนสนิทมาชิมรวมถึงคอมเม้นต์ ขณะเดียวกันก็ลอง LIVE เพื่อเป็นการโปรโมทไปด้วย โดยเมนูแรกของ After Yum คือ ยำปูดำจัมโบ้ ปรากฏว่าของทุกอย่างในร้านหมดภายใน 2 ชั่วโมง กระทั่งเปิดขาย 5 วันแรกก็ต้องขยายโต๊ะเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยคุณแต๋งเล่าว่า ช่วง 3 – 6 เดือนแรกเป็นช่วงที่จัดการระบบคิวยากมาก และพอ After Yum กลายเป็นกระแสไวรัล ผู้คนก็เดินทางมากินจำนวนมาก และเริ่มมีธุรกิจรับจ้างหิ้ว เคยสั่งมากที่สุดเป็นหลักพันกล่อง หรือแม้แต่การเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องน้ำยำ หรือกระแสน้ำยำปลอม แต่ After Yum ก็ไม่ย่อท้อ มุ่งหน้าลุยธุรกิจจนสำเร็จ กลยุทธ์เด็ดของคุณแต๋งในการสร้าง …

อ่านบทความ

ไขข้อสงสัย! การเลือกน้ำเชื่อมแทนน้ำตาลดีกว่าอย่างไร?

ไขข้อสงสัย! การเลือกน้ำเชื่อมแทนน้ำตาลดีกว่าอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านชาไข่มุก คาเฟ่ ร้านเครื่องดื่ม หรือร้านอาหารแบบไหน มั่นใจได้ว่า “น้ำตาล” ต้องเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญที่ต้องมีติดร้านเพื่อเพิ่มความหอมหวาน ซึ่งนอกจากจะใช้น้ำตาลเป็นเม็ด ๆ อย่างน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงแล้ว ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มหลาย ๆ ร้านมีการเลือกน้ำเชื่อมแทนน้ำตาลเพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูต่าง ๆ เช่นกัน สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่าร้านเครื่องดื่มใช้น้ำเชื่อมแบบไหนในการปรับระดับความหวาน หรือไม่รู้ว่าควรเลือกใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาลดีหรือไม่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้ถึง 3 ข้อดีของการใช้น้ำเชื่อม พร้อมเปรียบเทียบความหวานของน้ำเชื่อมและน้ำตาลให้เห็นภาพแบบเข้าใจ หากใครพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย! 1. หวานคงที่ รสชาติไม่เปลี่ยนบ่อย ลูกค้าประทับใจ ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนอาจมองว่า น้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าน้ำเชื่อม และทำให้ต้นทุนในระยะยาวมีราคาที่ถูกกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง ประเภทใดก็ตามทั้งแบบผง แบบเกล็ด หรือแบบเม็ด ย่อมชั่งตวงให้เท่ากันทุกครั้งได้ยาก จึงเกิดความเสี่ยงที่ทำให้รสชาติอาหารและเครื่องดื่มไม่คงที่  ด้วยเหตุนี้ การใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาลจึงสามารถช่วยลดปัญหาความไม่คงที่ของรสชาติได้ ที่สำคัญ หากน้ำตาลโดนความชื้นจะเกาะติดช้อนตวงจนไม่สามารถนำไปใช้ได้ ทำให้สูญเสียต้นทุนค่าวัตถุดิบไป แต่การใช้น้ำเชื่อมจะเข้ามาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ และทำให้ร้านค้าใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย 2. มีหลายชนิด ใช้งานได้หลากหลาย ลงตัวได้ทุกเมนู น้ำเชื่อม ไม่เพียงช่วยรังสรรค์รสชาติหอมหวานคงที่จนเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังมีชนิดของน้ำเชื่อมให้เลือกสรรตามความต้องการมากมายในท้องตลาด สามารถปรับใช้กับหลากหลายเมนูทั้งเครื่องดื่ม ขนมหวาน และอาหาร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราจะสามารถแบ่งชนิดของน้ำเชื่อมได้เป็น 2 ประเภท ประกอบไปด้วย ประเภทที่ 1: น้ำเชื่อมจากอ้อย น้ำเชื่อมจากอ้อยเกิดขึ้นจากการนำน้ำอ้อยมาผ่านกระบวนการทำให้ใส จากนั้นจึงนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม หรือ เครื่องมือที่เรียกว่า Multiple Effect Evaporator เพื่อระเหยเอาน้ำออกจนได้เป็นน้ำเชื่อม ซึ่งจะมีระดับความหวานที่แตกต่างกันออกไปตามกระบวนการผลิต ดังนี้ น้ำเชื่อมซูโครส  เกิดจากการนำน้ำตาลซูโครสแบบเม็ดมาละลายน้ำ ซึ่งสามารถปรับระดับความหวานให้มากหรือน้อยตามปริมาณน้ำที่ใช้ เวลา และอุณหภูมิในการเคี่ยว ซึ่งหากเคี่ยวนานเกินไปจนทำให้ความเข้มข้นของน้ำเชื่อมสูงเกิน 67 Brix ก็จะทำให้น้ำเชื่อมตกผลึกกลับมาเป็นน้ำตาลอีกครั้ง ข้อดี: ผลิตง่าย ควบคุมความหวานได้ ข้อเสีย : ทำให้รสชาติเสถียรยาก มักออกมาหวานแหลม อายุการเก็บสั้น เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นน้ำตาล น้ำเชื่อม Invert Sugar เกิดจากการทำให้ “ซูโครส” ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่แตกตัวออกมาเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว “ฟรุคโตส” และ “กลูโคส” อย่างละเท่า ๆ กัน ซึ่งจะมีการกำหนดสูตรที่แตกต่างกันออกไป เช่น หากเป็น Medium Invert Sugar (MIS) Brix 77 จะมีองค์ประกอบของน้ำเชื่อมเป็นน้ำตาลซูโครส 50% กลูโคส 25% ฟรุคโตส …

อ่านบทความ

รู้จัก “น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 100%” ความหอมหวานจากธรรมชาติทางเลือกของคนใส่ใจสุขภาพ

น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เป็นน้ำตาลที่ได้จากอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้ยังคงมีสารอาหารจากอ้อยเหลืออยู่ ทั้งวิตามิน แคลเซียม และฟอสฟอรัส ให้รสชาติ กลิ่น และสีสันจากอ้อยธรรมชาติ แถมยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้ทุกประเภท ทั้งคาว หวาน เบเกอรี่ หรือเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเมนูที่ต้องการความหวานละมุน ได้กลิ่นหอมจากอ้อย และต้องการเพิ่มสีสันให้เมนูอาหาร เทรนด์การดูแลสุขภาพ มีมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องการออกกำลังกาย การดำเนินชีวิต ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่าง “อาหารการกิน” ซึ่งหนึ่งในเทรนด์ดูแลสุขภาพที่เกี่ยวกับอาหารการกินที่หลายๆ คนหันมาให้ความสนใจ คือ การใส่ใจเลือกอาหารที่มาจากธรรมชาติ หรือ อาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด ตั้งแต่วัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆ รวมไปถึงการเลือกเครื่องปรุงรสชาติของอาหารด้วย ที่มักจะเลือกแบบที่ไม่ค่อยผ่านการสังเคราะห์ “น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ” จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ที่หากจะเลือกเติมความหวานทั้งที ก็ต้องเลือกสิ่งดีๆ จากธรรมชาติ แถมยังได้ความหอมหวานจากอ้อยธรรมชาติด้วย น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ vs น้ำตาลทรายขาว ต่างกันอย่างไร น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ และน้ำตาลทรายขาว มีที่มาจากลำต้นของอ้อยสดที่ผ่านกระบวนการคัดสรรพันธุ์อ้อย และผ่านการปลูกแบบชีววิธีเหมือนกัน  ให้รสชาติหวานใกล้เคียงกัน เรียกว่าสามารถใช้ทำอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มทดแทนกันได้หลากหลายเมนู แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ “สี” ของน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด เพราะเกิดจากกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนแตกต่างกัน น้ำตาลทราย จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกน้ำตาล และทำให้บริสุทธิ์หลายขั้นตอนจนใสสะอาด มีเกล็ดเล็ก เม็ดละเอียด เมื่อนำมาละลายแล้วจะใสหรือมีตะกอนขาวขุ่นเล็กน้อย แม้จะใช้ได้หลากเมนู แต่เหมาะกับเมนูที่ไม่ต้องการให้สีสันของอาหารเปลี่ยนไป เช่น วุ้นกะทิ น้ำมะพร้าวปั่น เป็นต้น ส่วนน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่ไม่ได้ผ่านการกรองสีหลายขั้นตอน ทำให้ยังคงมีสีน้ำตาลที่คงอยู่จากน้ำอ้อย และมีกลิ่นหอมหวานจากอ้อย มีขนาดเกล็ดน้ำตาลที่ใหญ่กว่าน้ำตาลทรายขาว และให้รสชาติที่หวานละมุนมากกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ไม่ใช่ น้ำตาลทรายแดง หลายครั้งที่เรามักจะสับสนถึงชื่อเรียกของน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ด้วยสี กลิ่น และลักษณะเกล็ดน้ำตาล บางคนก็เรียกน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลแดง น้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายไม่ขัด เป็นต้น จนอาจทำให้สับสนกับน้ำตาลทรายแดงจริงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด แม้จะเป็นน้ำตาลที่ได้มาจากน้ำอ้อยเหมือนกัน แต่ทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ และกลิ่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น้ำตาลทรายแดง จะมีลักษณะเป็นผงละเอียดเหมือนเม็ดทราย ความชื้นสูง มีกลิ่นหอมเข้มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติหวานน้อยกว่าน้ำตาลอ้อยธรรมชาติเล็กน้อย ใช้แต่งสีอาหารให้สวยงาม จึงมักจะถูกนำไปใช้กับอาหารหวานที่ต้องการความหนึบ ชุ่มฉ่ำอย่างบราวนี่ ซอฟท์คุกกี้ ฟรุ๊ตเค้ก บัวลอยน้ำขิง หรือนำมาโรยหน้าเฉาก๊วย เพิ่มความหอมหวาน เมนูอาหารจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ มิตรผลน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 100% ผลิตจากอ้อยธรรมชาติ 100% สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูได้ทุกประเภท …

อ่านบทความ

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี หลายคนคงอาจจะเคยเจอความผิดพลาดในการทำเบเกอรี ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ อุณหภูมิการอบ หรือการเลือกใช้วัตถุดิบอย่าง “น้ำตาล” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบเกอรีไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส   การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยเรื่องความคงตัวและขึ้นฟู เก็บความชุ่มชื้น ชูรสชาติ และทำให้สีสันสวยงามน่ารับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและรสชาติที่โดดเด่น น้ำตาลเบเกอรีมีความสำคัญอย่างไร น้ำตาลที่ใช้ในเบเกอรีมีหลายชนิดและมีความแตกต่างกัน ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนกัน โดยน้ำตาลสำหรับทำเบเกอรีจะมีความเนียนละเอียดมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละลายช้าในขนม, การขึ้นฟูไม่เต็มที่ หรือเนื้อขนมไม่เนียน อบแล้วเกิดรอยร้าว ซึ่งหากเลือกใช้น้ำตาลที่ถูกประเภทก็จะสามารถช่วยลดปัญหาในการทำเบเกอรีได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักคุณสมบัติของน้ำตาลเบเกอรีทั้ง 3 ประเภทกันค่ะ 1. น้ำตาลเบเกอรี (Caster Sugar) น้ำตาลเบเกอรี คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นเกล็ดละเอียด จึงสามารถผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาในการตีส่วนผสม ทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม เนื้อเค้กขึ้นฟูเร็วขึ้น รี่ซึ่งมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้   ปัญหาเนื้อชิฟฟ่อนเกิดจุดสีน้ำตาล เกิดจากการที่น้ำตาลทรายปกติผสมกับแป้งไม่ดีพอ การใช้น้ำตาลเบเกอรีจะลดขั้นตอนในการผสม โดยที่ไม่ต้องเอาน้ำตาลไปปั่นก่อน ปัญหาทำเมอแรงก์สำหรับผสมในเนื้อเค้ก หากการตีน้ำตาลที่เกล็ดใหญ่เกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการตีกับไข่ขาวนาน ซึ่งมีผลทำให้เค้กแข็งและเป็นรูภายในได้ ปัญหาเค้กไม่เนียน แข็งหรือแห้งเกินไป หากใช้น้ำตาลเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งขึ้นฟูได้เร็วขึ้น 2. น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี (Brown Sugar for Bakery) น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี คือน้ำตาลทรายแดงที่ผ่านกระบวนการร่อนจนได้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด สะดวก พร้อมใช้งาน หมดปัญหาการจับตัวกันเป็นก้อน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ ให้รสชาติหวานละมุน ช่วยให้เบเกอรีมีสีน้ำตาลสวยน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาเมนูบราวนี่ที่มีรสชาติหวานแหลมจนเกินไป เพราะต้องใช้ปริมาณน้ำตาลเยอะเพื่อความชุ่มฉ่ำและการขึ้นฟิล์ม หากใช้น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยคงความชุ่มฉ่ำและช่วยให้รสชาติหวานละมุนกำลังดี ปัญหาเมนูทาร์ตที่เนื้อไม่กรอบร่วน น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งกรอบร่วนตามที่ควรจะเป็น ปัญหาการอบคุกกี้ให้ได้สีน้ำตาลสวย แต่ไม่เป็นแบบที่ตั้งใจจากการเลือกใช้น้ำตาลผิดประเภท ทำให้ใช้เวลาในการอบนานเกินไปและกลายเป็นคุกกี้ไหม้ น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยเรื่องสีและกลิ่นของคุกกี้ 3. น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) น้ำตาลไอซิ่ง คือน้ำตาลทรายขาวที่ทำการบดหรือปั่นอย่างละเอียด ผสมกับแป้งมันสำปะหลัง เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ในอดีตนิยมนำมาใช้ในการโรยตกแต่งหน้าเบเกอรี เช่น เค้ก, ขนมปัง, และโดนัท แต่ปัจจุบันน้ำตาลไอซิ่งเริ่มมีบทบาทในการทำเบเกอรีมากขึ้น สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหรือวิปปิ้งครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เพื่อให้ครีมตั้งรูป มีความคงตัวมากขึ้น หรือผสมในเนื้อคุกกี้หรือทาร์ต เพื่อช่วยเพิ่มความกรอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาการอบมาการองที่ขึ้นทรงได้ไม่ดี หากใช้น้ำตาลไอซิ่ง จะช่วยตั้งทรงให้ขามาการองขึ้นรูปได้ดีขึ้น ปัญหาการละลายช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งหน้าเค้ก บางครั้งจะออกมาเหลวจนเกินไป การใช้น้ำตาลไอซิ่งเข้าไปผสมด้วยจะทำให้ตัวซอสช็อกโกแลตจับตัวอยู่บนหน้าเค้กได้ดีขึ้น เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เอามาฝากกัน หวังว่าจะช่วยให้หลายท่าน ได้ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับน้ำตาลเบเกอรีมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ให้ถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำทานเองในครัวเรือนหรือทำขายสำหรับกิจการของคุณได้อย่างไร้ปัญหาค่ะ

อ่านบทความ

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร?

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร? หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ให้ได้รสชาติหวานคงที่และมีคุณภาพมาตรฐาน นั่นคือ น้ำเชื่อม เพราะเป็นตัวผสานความอร่อยของส่วนผสมต่างๆ ให้หวานกลมกล่อม ได้รสชาติที่ลงตัว แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกน้ำเชื่อมที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำเชื่อมให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจสงสัยว่า น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม แตกต่างจากน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็วอย่างไร เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 1. คุณสมบัติทั่วไปที่เหมือนกันของน้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม และน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีดังนี้ ให้ความหวานคงที่ สม่ำเสมอ ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดเวลาในการเตรียมน้ำเชื่อม ไม่ตกผลึก หรือกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาลอีก จัดเก็บง่าย และเก็บได้นาน 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น 2.คุณสมบัติทื่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีดังนี้ 3. คุณสมบัติของความคุ้มค่าในการใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปทั้ง 2 ชนิด มีดังนี้ คุ้มค่าเรื่องต้นทุน เพราะน้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ให้ความควานคงที่ มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าแก๊ส ค่าไฟ หากใช้ไม่หมดก็สามารถเก็บไว้ใช้งานต่อได้โดยไม่เสีย คุ้มค่าเรื่องเวลา น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว สามารถใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการงานส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ประเภทไหน ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์ได้ถูกคิดค้นสูตรมาเพื่อผู้ประกอบการ และการใช้งานจริง เพื่อให้ได้เมนูที่อร่อย รสชาติคงที่ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

อ่านบทความ

3 สุดยอดเคล็ดลับ การใช้น้ำเชื่อมทำเบเกอรี่ จาก เชฟเลอ กอร์ดอง เบลอ

3 สุดยอดเคล็ดลับ การใช้น้ำเชื่อมทำเบเกอรี่ จาก เชฟเลอ กอร์ดอง เบลอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้หลายคนหันมาทำเบเกอรี่เป็นอาชีพหลัก และด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องมองหาเคล็ดลับที่เหนือกว่าคู่แข่ง เพื่อให้ได้เบเกอรี่อร่อย ได้มาตรฐาน แต่จะดีแค่ไหน หากเรารู้เคล็ดลับจากเชฟดังที่จะช่วยต่อยอดเบเกอรี่ให้เก่งขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับจาก 3 เชฟเบเกอรี่ชื่อดังมาฝาก เชฟพฤกษ์ – พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร เชฟท่านแรก เชฟพฤกษ์ – พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากการคว้าแชมป์ ‘เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย’ และเป็นศิษย์เก่า สถาบัน le cordon bleu Paris , ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของร้าน RawMat ร้านที่นำเสนออาหารในแบบ Chef’s Table มีความละเอียดอ่อนตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจนกระทั่งรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูพร้อมเสิร์ฟ เชฟพฤกษ์ได้แนะนำเมนู Deconstructed Apple Tart เป็นเมนูที่นำมาเสนอในรูปแบบใหม่ ด้วยการทำแป้งพายออกมาในรูปแบบของ Crumble ส่วนชิ้นแอปเปิ้ลนำไปแช่ใน Syrup โดยซอสที่ได้จากแอปเปิ้ล ถูกทำออกมาในรูปแบบมูสโฟม (Mouse Foam) เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่าง เคล็ดลับสำคัญที่เชฟพฤกษ์นำน้ำเชื่อมมิตรผลมาใช้ในการทำขนม คือน้ำเชื่อมมิตรผลช่วยให้เบเกอรี่ มีสีสวย ขึ้นเงา และ ช่วยให้เนื้อสัมผัส หรือ Texture ของเบเกอรี่ได้คุณภาพ  นอกจากนี้เชฟได้แนะนำการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยนำไปพัฒนาต่อ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสำหรับเชฟรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จแบบเชฟพฤกษ์ อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง ต้องเรียนรู้ และฝึกฝนตลอดเวลา เชฟออย – วัชราพรรณ วณิชย์คูพลังกูร เชฟท่านที่สอง เชฟออย – วัชราพรรณ วณิชย์คูพลังกูร  ศิษย์เก่าจากสถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตธานี คว้าอันดับ 1 หลักสูตร Diplôme de Pâtisserie และเป็นเจ้าของร้าน Three Bears Pastry ผู้ที่มีจุดเริ่มต้นจากความหลงใหลและมีใจรักในการทำเบเกอรี่ เชฟออยได้แนะนำเมนูเด็ดอย่าง Chocolate Espresso Flourless Cake พร้อมเคล็ดลับง่ายๆ มาฝาก เชฟเลือกใช้น้ำเชื่อมมิตรผลในการทำเมนู Chocolate Espresso Flourless Cake เพราะช่วยให้หน้าขนมเรียบเนียน มีเสน่ห์ น่ารับประทานมากขึ้น นอกจากนี้น้ำเชื่อมยังสามารถนำไปเคลือบหน้าชิ้นผลไม้ ทำให้ผลไม้มีความเงางามและอยู่ได้นานขึ้น สำหรับใครที่มีความฝันอยากเป็นเชฟ และประสบความสำเร็จในการทำเบเกอรี่ เชฟออยมีคำแนะนำง่ายๆ คือ อยากให้สร้างสรรค์ พลิกแพลง และไม่อยู่ในกรอบหรือสูตรที่เคยทำมา …

อ่านบทความ

เคล็ด (ไม่) ลับ แก้ปัญหาน้ำตาลตกผลึก

เคล็ด (ไม่) ลับ แก้ปัญหาน้ำตาลตกผลึก เคยสงสัยไหม “ทำไมยิ่งเคี่ยวน้ำตาล ยิ่งตกผลึก?” ซึ่งส่งผลให้ต้องเสียวัตถุดิบ และเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ บางคนทำแล้วมีน้ำใสๆ อยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างน้ำตาลก็จับตัวแข็งเป็นก้อน แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร วันนี้เรามี 3 เคล็ดลับที่จะมาช่วยแก้ปัญหาการเคี่ยวน้ำตาลตกผลึก มาลองทำตามกันง่ายๆ ดังนี้ เคล็ดลับที่ 1 – บีบมะนาว 1 ซีก ขณะที่น้ำตาลเริ่มข้นแล้ว ให้เปลี่ยนจากไฟกลางมาใช้ไฟอ่อน จากนั้นบีบมะนาว 1 ซีกลงไป แล้วคนเล็กน้อย เพื่อป้องกันการเกิดเกล็ดน้ำตาลที่มีฝ้าขาวภายนอกผิวของน้ำเชื่อม และจะทำให้โมเลกุลของน้ำตาลเกิดการแตกตัวของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุกโตส เรียกว่า “Invert Sugar” เพื่อป้องกันการตกผลึก โดยการตกผลึกนี้ขึ้นอยู่กับค่า pH และอุณหภูมิ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ค่า pH ระหว่าง 3.0-3.5 (อยู่ในช่วงความเป็นกรด) และปรับ pH โดยการเติมปริมาณกรดที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วย เคล็ดลับที่ 2 – วิธีการเคี่ยว การเคี่ยวแต่ละครั้งมีผลต่อการตกผลึกของน้ำตาลเช่นกัน วิธีการง่ายๆ คือ พอนำน้ำตาลทรายตั้งไฟแล้ว “อย่าคนบ่อย” แต่ปล่อยให้น้ำตาลค่อยๆ ละลายเอง เมื่อตั้งไฟปานกลางไว้สักพักจนน้ำตาลเดือด ถึงจะค่อยๆ คนอีกครั้งหนึ่ง เพราะการคนบ่อยจะเป็นตัวช่วยเร่งปฏิกริยาให้น้ำตาลเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น เคล็ดลับที่ 3 – ใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปมิตรผล อีกวิธีง่ายๆ คือ การใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป เพราะใช้งานง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน ได้ความหวานคงที่มีมาตรฐาน ไม่ตกผลึกกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาล และยังช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้อีกด้วย เปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างน้ำเชื่อมสูตรเข้มข้น vs น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว เพียงเท่านี้ ปัญหาเรื่องการเคี่ยวน้ำเชื่อมแล้วตกผลึกก็จะหมดไป หรือเพียงแค่เปลี่ยนมาใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปตรามิตรผล ก็จะสามารถช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนและวัตถุดิบอื่นๆ ได้อีกมาก ที่สำคัญไม่ต้องเปลืองเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง และช่วยให้คุณได้น้ำเชื่อมที่มีคุณภาพ ไม่จับตัวเป็นก้อนอีกด้วย

อ่านบทความ

จบปัญหารสชาติเพี้ยน! ด้วย 3 ปัจจัยให้รสชาติอร่อยปัง

จบปัญหารสชาติเพี้ยน! ด้วย 3 ปัจจัยให้รสชาติอร่อยปัง “ทำไมลูกค้าขาประจำของเราหายไป?” คำถามที่ผู้ประกอบการหลายคนอยากหาคำตอบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจาก “รสชาติ” ที่เปลี่ยนไปทำให้ลูกค้าที่เคยติดใจรสชาติเดิมอาจเกิดความไม่พอใจ เราจึงมีเทคนิคที่จะช่วยทำให้อาหาร ขนมหวาน หรือเบเกอรี่มี “รสชาติอร่อยคงที่” ได้มาตรฐาน สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ 1. สูตรต้องคงที่ สิ่งสำคัญที่ต้องบันทึกไว้ให้เป็นมาตรฐานประจำร้าน คือ “สูตรอาหาร” เพื่อลดปัญหาเวลาเปลี่ยนมือคนทำ แล้วรสชาติจะเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นเราต้องระบุส่วนผสมของอาหาร หรือสูตรชั่งตวงของเบเกอรี่ให้ชัดเจนและแม่นยำ เพื่อให้ได้สูตรอาหารหรือเบเกอรี่ที่คงที่ ได้มาตรฐานอยู่เสมอ 2. เวลาในการปรุงต้องคงที่ การคำนวณเวลาในการปรุงก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการปรุงอาหารหรือเบเกอรี่ที่ผ่านความร้อน เพราะอาจส่งผลทำให้รสชาติเปลี่ยนไปได้ เช่น การใช้อุณหภูมิความร้อนไฟอ่อน ไฟกลาง หรือไฟแรง ที่ใช้เวลาในการปรุงต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาที่สั้นเกินไป หรือ นานเกินไป ก็อาจส่งผลให้รสชาติอาหารแตกต่างกันได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนวณและจัดสรรระบบเวลาในการปรุงให้คงที่และแม่นยำอยู่เสมอ 3. วัตถุดิบต้องคงที่ เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบ คือหัวใจสำคัญในการปรับแต่งรสชาติอาหารให้อร่อย การปรับเปลี่ยนสัดส่วน ทั้งเพิ่ม หรือลด ก็มีผลต่อรสชาติ ในขณะเดียวกันหากมีการเปลี่ยนเครื่องปรุง เปลี่ยนยี่ห้อ หรือทำขึ้นเอง แล้วได้รสชาติไม่คงที่ ก็ย่อมส่งผลต่อรสชาติของอาหารเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการต้องประเมินสัดส่วน เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้รสชาติคงที่ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล ให้ความหวานคงที่ ไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยน หรือมีรสชาติผิดเพี้ยน ผู้ประกอบการสามารถวางใจเรื่องรสชาติคงที่ได้เลย  เพราะคุณสมบัติสำคัญ 5 ข้อของผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล เหมาะสำหรับการปรุงแต่งรสชาติ คือ มีความเข้มข้น ไม่ตกผลึก หรือเป็นเกล็ดน้ำตาล ช่วยให้เบเกอรี่มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เงางาม น่ารับประทาน ให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐาน ช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ เป็นต้น ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน เมื่อผู้ประกอบการสามารถควบคุมสูตรอาหาร เวลา และวัตถุดิบ ให้อยู่ในระดับคงที่ได้แล้ว ก็ช่วยลดความกังวลใจเรื่องรสชาติเพี้ยนได้เลย เพราะองค์ประกอบสำคัญของการผลิตได้ถูกกำหนดอย่างมีมาตรฐาน และเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เวลาไปบริหารจัดการด้านอื่นๆ ของร้านแทน เช่น การพัฒนาสูตรใหม่ๆ การทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ การสร้างยอดขายให้ปัง เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ทั้งลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรแวะเวียนมาไม่ขาดสายแล้ว

อ่านบทความ

ถ้าพูดถึงเครื่องปรุงที่อยู่กับมนุษย์มาเนิ่นนาน นอกจากเกลือแล้วก็เห็นทีจะเป็น “น้ำตาล” นี่แหละค่ะ ที่ไม่ว่าจะทำอาหารประเภทไหน ๆ ทั้งคาวหวานหรือเครื่องดื่ม เมื่อได้ใส่น้ำตาลลงไปในอาหารก็จะเพิ่มความกลมกล่อมน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น เราอาจจะคุ้นชินกับเจ้าน้ำตาลสีขาวเม็ดละเอียดที่เห็นได้บ่อย ๆ บนโต๊ะอาหาร แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วน้ำตาลมีอยู่มากมายหลายชนิดและแต่ละชนิดก็ให้ความหวานที่เหมาะกับอาหารประเภทต่างๆแตกต่างกันไป เชื่อว่าบางเรื่องเพื่อน ๆ ก็อาจจะไม่เคยรู้มาก่อนแน่ ๆ แต่บทความนี้จะทำให้เพื่อน ๆ ได้สาระแบบเน้น ๆ เพราะเราจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับน้ำตาล 6 ชนิด อ่านจบกูรูเรื่องน้ำตาลเลยล่ะค่า! The art of Sugarlogy “เพิ่มเสน่ห์ความอร่อยให้ทุกจานด้วยการใช้น้ำตาลให้ถูกชนิด” #เติมเสน่ห์ให้ทุกจานด้วยน้ำตาลจากมิตรผล  1. น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลทรายขาวคือน้ำตาลซูโครส (sucrose) เป็นน้ำตาล (sugar) ที่เรียกกันทั่วไปว่าน้ำตาลทราย ที่ใช้เป็นสารให้ความหวานอย่างกว้างขวางทั่วโลก พบอยู่ในพืชและผลไม้หลายชนิด แต่ที่นำมาใช้เป็นวัตถุดิบผลิตน้ำตาลทางการค้า คือ อ้อยและหัวบีท และน้ำตาลที่เราเห็นและเลือกใช้กันเป็นหลักก็คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์นั่นเอง น้ำตาลชนิดนี้มีลักษณะเป็นสีขาวมีความบริสุทธิ์สูง โดยทั่วไปนิยมนำไปบริโภคโดยตรงในการปรุงอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงใช้เป็นวัตถุดิบในโรงงานอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง เช่น อุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมทางการแพทย์ เหมาะกับอาหาร: อาหารคาว, อาหารหวาน, เครื่องดื่ม, เบเกอรี 2. น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลเกล็ดสีธรรมชาติที่ผลิตจากอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี และผลิตอย่างพิถีพิถันโดยใช้สารเคมีน้อยทีสุดจนได้น้ำตาลสีธรรมชาติของน้ำอ้อย น้ำตาลชนิดนี้จะให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของอ้อย สีสันจากอ้อยธรรมชาติจะช่วยชูสีสันให้จานอาหารดูน่ากินมากขึ้น และให้รสชาติหวานอร่อยกลมกล่อมกำลังดี เหมาะสำหรับทุกเมนูคาวหวานที่ต้องการความอร่อยกลมกล่อมจากธรรมชาติ และต้องการชูสีสันของจานอาหาร เหมาะกับอาหาร: แกงไทย, น้ำจิ้ม, ขนมหวานไทย, ขนมปังสังขยา, ไส้ขนม, โรยหน้าขนมพัฟฟ์ หรือเพสทรีก่อนอบเพิ่มสีสันที่สวยงานน่ากิน 3. น้ำเชื่อม เป็นน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการแตกตัวของโมเลกุล ทำให้สามารอยู่ในรูปของของเหลว โดยไม่กลับมาตกผลึกอีกครั้งเหมาะแก่การนำไปประกอบอาหารที่มีของเหลวเป็นหลัก โดยไม่ต้องกังวลว่าน้ำตาลจะไม่ละลาย หรือจะกลับมาตกผลึกได้ใหม่ และยังให้ความหวานที่สม่ำเสมอ ช่วยชูความฉ่ำวาวให้อาหารดูน่ากิน ละที่สำคัญช่วยประหยัดเวลาอีกด้วย เหมาะกับอาหาร: น้ำจิ้มต่าง ๆ, ผักดอง, น้ำสลัด, กล้วยเชื่อม, มันเชื่อม, ทำบัตเตอร์ครีม, หน้าฟัดจ์, แยมท็อปปิง, น้ำปั่น 4. น้ำตาลทรายแดง ที่คนไทยจะรู้จักดีในชื่อน้ำตาลโอวทึ้ง หรือน้ำตาลที่เอาไว้ใส่เฉาก๊วย แต่จริง ๆ แล้วน้ำตาลชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดลับความหวานหอมของหลายเมนู ลักษณะเป็นผงคล้ายทรายละเอียด มีความชื้นสูงกว่าน้ำตาลทั่วไปทำให้บางครั้งจับตัวเป็นก้อนให้รสกับกลิ่นที่หอมหวานเป็นเอกลักษณ์และมีสีที่เข้มจากอ้อยอย่างชัดเจน ผลิตจากการต้มเคี่ยวน้ำเชื่อมอ้อยนำมาทำให้เป็นผงแล้วนำไปอบแห้ง และน้ำตาลชนิดนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนทำให้บริสุทธิ์เท่าน้ำตาลทรายขาวจึงมีรสที่หวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายขาว แต่ให้กลิ่นหอมหวานและสีจากอ้อยที่โดดเด่น จึงมักนำไปทำเมนูที่ต้องการสีสันและความหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับอาหาร: ซี่โครงหมูน้ำแดง, ขาหมู, บัวลอยน้ำขิง, บราวนี, ชานมไข่มุกบราวน์ชูการ์ …

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ายุคปัจจุบันนี้ยังคงเป็นยุคทองของการทำธุรกิจอาหารการกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเปิดธุรกิจ “ร้านคาเฟ่” ที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง แม้จะต้องมีการปรับตัวไปตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่ได้ยากเกินจะรับมือ ดังนั้นการแข่งขันที่แท้จริงจึงตกมาอยู่ที่เรื่องของ “รสชาติ” นอกจากเมล็ดกาแฟที่ต้องคัดสรรพันธุ์พิเศษให้เป็นเอกลักษณ์ของที่ร้านแล้ว เรื่องการรักษามาตรฐานให้คงที่สม่ำเสมอก็เป็นเรื่องสำคัญ เช่น การรักษามาตรฐานความหวาน จากน้ำเชื่อมที่ร้านกาแฟเลือกใช้ในการผสมเครื่องดื่ม ก็ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญจากอีกหลาย ๆ องค์ประกอบ ลองมาดูกันดีกว่า ว่าจะมีอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการมือใหม่ควรให้ความใส่ใจ เพื่อก้าวแรกที่มั่นคงในสนามแข่งขันธุรกิจร้านคาเฟ่ สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค พร้อมกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้เหมาะสม องค์ประกอบแรกของการทำธุรกิจ ในที่นี้คือการเปิดร้านคาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านกาแฟที่เน้นขายเพียงเมนูเครื่องดื่ม ก็ควรจะต้องเริ่มจากเรื่องพื้นฐานอย่างการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับความชื่นชอบ เจาะข้อมูลเชิงลึกมาเพื่อวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อนำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการขาย โดยยึดจากความเข้าใจลูกค้าเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนดังกล่าวแม้จะสำคัญในช่วงเริ่มต้นของการทำธุรกิจ แต่เมื่อเปิดร้านไปแล้วก็ยังคงต้องสำรวจกันอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคต่างก็เปลี่ยนไปตามปัจจัยภายนอกอย่างเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี การวิเคราะห์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่สดใหม่อยู่เสมอ จึงจะช่วยให้คุณสามารถเปิดร้านได้อย่างเข้าใจลูกค้า พร้อมมัดใจได้ตั้งแต่เริ่มต้น ปรับเมนูเครื่องดื่ม สร้างเอกลักษณ์ที่เป็นจุดเด่นของร้าน เมื่อค้นพบถึงความชอบจากการสำรวจพฤติกรรมของผู้บริโภคกันไปแล้ว ขั้นตอนถัดมาที่จะช่วยให้คุณสามารถส่งมอบความอร่อยได้อย่างตรงใจ พร้อมตอบสนองความชอบของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด จะต้องนำข้อมูลที่ได้เอามาวิเคราะห์เพื่อคิดค้นเมนูที่สามารถมัดใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างอยู่หมัด ไปพร้อม ๆ กับการสร้างเอกลักษณ์รสชาติที่แตกต่าง รวมถึงการเสริมเรื่องหน้าตาการตกแต่งเมนูให้โดดเด่น เพราะอย่าลืมว่านอกจากรสชาติถูกปาก อร่อยถูกใจ ความสวยงามก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญในยุคของ Camera Eat First ที่จะทำให้ร้านได้รับความนิยม และถูกบอกต่อเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม การคิดค้นสูตรใหม่เพื่อสร้าง Selling Point เฉพาะตัว เรื่องของสูตรก็เป็นอะไรที่ต้องให้ความใส่ใจอย่างพิถีพิถัน เมื่อการชงเครื่องดื่มเมนูที่อยู่นอกเหนือสูตรมาตรฐานรสชาติทั่วไป การควบคุมคุณภาพและรสชาติให้คงที่จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการเลือกวัตถุดิบที่ได้มาตรฐาน โดยพระเอกหลักที่ขึ้นตรงกับผลลัพธ์ด้านรสชาติคือ “เมล็ดกาแฟ” และ “น้ำเชื่อมสำหรับผสมเครื่องดื่ม” นั่นเอง แหล่งเมล็ดกาแฟ และเอกลักษณ์ความหอม องค์ประกอบถัดมาของการเปิดร้านกาแฟให้พร้อมมัดใจลูกค้าด้วยรสชาติ คือการคัดสรรเมล็ดกาแฟที่ตอบโจทย์ทั้งความชอบ และพฤติกรรมการดื่มกาแฟของลูกค้าที่ร้านของเรา ยิ่งในยุคทองของร้านคาเฟ่ที่การแข่งขันสูง การเลือกเมล็ดกาแฟอย่างพิถีพิถัน เลือกด้วยความเข้าใจ ยิ่งมีผลกับการสร้างยอดขายเป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้น เมล็ดกาแฟที่ยังคงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไทย กล่าวคือเป็น “Safe Zone” ของการเปิดร้านคาเฟ่ คงจะขาดกาแฟโรบัสต้าและกาแฟอาราบิก้าไปไม่ได้ ด้วยรสชาติที่คุ้นเคยกับต่อมรับรส ทั้งยังเข้าถึงง่าย ทำให้คุณสามารถรังสรรค์เมนูได้โดยไม่ต้องกลัวถึงความซับซ้อนของกลิ่นที่จะไปทำลายอรรถรสในการดื่มของลูกค้า  อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่คุณต้องการเพิ่มเมนูทางเลือก เจาะลึกลงไปในกลุ่มลูกค้านักดื่มกาแฟตัวยงด้วยเมล็ดกาแฟที่แตกต่าง การมองหาซัพพลายเออร์เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง เพื่อค้นพบมิติใหม่ ๆ ในรสชาติ และนำไปต่อยอดเป็นเมนูที่ดึงเอาจุดเด่นของรสชาติกาแฟออกมาใช้แบบเต็มประสิทธิภาพก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีไม่น้อย อย่างไรก็ดี การทำเมนูที่ก้าวไปถึงขั้นของ Specialty Coffee ก็ควรจะมีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของเมล็ดพันธุ์พิเศษ เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างที่ต้องการ คุณภาพวัตถุดิบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับน้ำเชื่อมที่ใช้ผสมเครื่องดื่ม! ยังคงสอดคล้องกับเทคนิคก้าวแรกในการเปิดร้านด้วยการวิเคราะห์กระแสที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค สิ่งหนึ่งที่จะค้นพบคือพฤติกรรมการดื่มกาแฟและเครื่องดื่มที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ และผู้บริโภรคชอบที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเลือกรังสรรค์รสชาติตามใจตัวเอง มากกว่าการดื่มตามสูตรที่อาจจะไม่ถูกปาก ถูกลิ้นเหมือนที่เคย นั่นจึงแปลว่าการทำร้านคาเฟ่ในยุคทองเช่นนี้ แทนที่จะใช้ขั้นตอนการทำเครื่องดื่มแบบดั้งเดิมที่ให้บาริสต้ายึดตามสูตรเพื่อรักษามาตรฐานให้คงที่ ก็หันมาเพิ่มความหลากหลายของสูตร เพื่อรองรับรสชาติที่แตกต่างในแต่ละเมนู เพื่อให้ลูกค้าได้เป็นส่วนหนึ่งในการปรับแต่งความหวาน ในส่วนนี้น้ำเชื่อมผสมเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟเลือกใช้จึงต้องมีมาตรฐาน เพื่อให้สามารถควบคุมรสชาติได้อย่างคงที่ ไม่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่ควรจะเป็น  น้ำเชื่อมละลายเร็ว …

ผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมสำเร็จรูปให้ระดับความหวานแบบคงที่ ต้องโกลเด้น ไซรัป ตรามิตรผล พร้อมเผยเมนูเด็ดสร้างรายได้ ทำง่าย อร่อยมาก!

ไขข้อข้องใจ ทำไมน้ำเชื่อมถึงมีหลากหลายสีสัน พร้อมพาไปรู้จักประเภทและแหล่งที่มาจากวัตถุดิบธรรมชาติถึง 4 ประเภท และแนะนำวิธีเลือกไซรัปที่เหมาะสม

After Yum ร้านยำเบอร์หนึ่งของประเทศ กว่าจะสำเร็จแบบวันนี้มีเคล็ดลับยังไง ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจร้านอาหารเกิดขึ้นมากมาย ทั้งแบบหน้าร้าน และแบบออนไลน์ ซึ่งเมนูส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการเลือกขาย คือ เมนูทำง่าย ขายได้เร็ว ลงทุนไม่เยอะ และคืนทุนได้ไว หนึ่งในนั้นก็คือเมนูยำ แต่การทำให้ลูกค้าติดใจจนก้าวขึ้นเป็นร้านยำเบอร์ต้นๆ ของประเทศในวันนี้ก็ไม่ง่าย ล้วนต้องผ่านบททดสอบมากมาย เช่นเดียวกับ After Yum ร้านยำอันดับหนึ่งของ ‘คุณแต๋ง – กฤษฏิ์กุล ชุมแก้ว’ และ ‘คุณดุจดิว – ‘ธีระวัฒน์ บุตรตะยา After Yum เริ่มเปิดขายตั้งแต่ปลายปี 2561 จนเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั่วประเทศ แต่กว่า After Yum จะประสบความสำเร็จแบบวันนี้ล้วนต้องผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่เดือนกลยุทธ์แห่งความสำเร็จที่คุณแต๋งคิดไว้ ก็สร้างปรากฏการณ์จนกลายเป็นร้านยำที่ต้องจองคิวข้ามวัน มิตรผลจึงขอมาร่วมแกะสูตรสำเร็จของ After Yum ไปพร้อมกัน เพราะความ ‘อยากกินยำปู’ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของ After Yum จุดเริ่มต้นของ After Yum เกิดจากวันที่เพื่อนสองคนนัดกันมาปรับทุกข์ และทานอาหารร่วมกันในช่วงปลายปี 2561 เมื่อคุณดุจดิวได้ลองชิมรสฝีมือยำปูของคุณแต๋งก็เกิดการเรียกร้องอยากทานยำทุกวัน จนตกลงกันเพื่อลองทำขาย จึงเริ่มขับรถตระเวนหาสถานที่ทั่วเมืองพัทยา จนมาเจอสถานที่ให้เช่าในปั๊มน้ำมันคาร์ลเท็กซ์ และก็เริ่มเปิดขาย After Yum  นับแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ใครจะไปคิดว่าการตั้งเป้าหมายกันเพียงแค่ว่า After Yum จะเป็นเพียงร้านยำธุรกิจเล็กๆ หากขายไม่ได้ภายใน 3 เดือนค่อยเลิกทำ กลับกลายเป็นการสร้างปรากฏการณ์ร้านยำของเมืองไทยในวันนี้                เปิดร้านด้วยความกลัวไม่มีคนซื้อ แต่ก็ขายหมดภายใน 2 ชั่วโมง! สิ่งที่คุณแต๋งกลัวที่สุดของการเปิดร้าน คือกลัวคนจะไม่ซื้อ หรือทำผิดพลาดตกหล่น จึงมีความคิดที่ไม่กล้าขายจริงในวันแรก แต่เพื่อลองตลาดจึงเปลี่ยนเป็นการทดสอบระบบร้าน และชวนคนสนิทมาชิมรวมถึงคอมเม้นต์ ขณะเดียวกันก็ลอง LIVE เพื่อเป็นการโปรโมทไปด้วย โดยเมนูแรกของ After Yum คือ ยำปูดำจัมโบ้ ปรากฏว่าของทุกอย่างในร้านหมดภายใน 2 ชั่วโมง กระทั่งเปิดขาย 5 วันแรกก็ต้องขยายโต๊ะเพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยคุณแต๋งเล่าว่า ช่วง 3 – 6 เดือนแรกเป็นช่วงที่จัดการระบบคิวยากมาก และพอ After Yum กลายเป็นกระแสไวรัล ผู้คนก็เดินทางมากินจำนวนมาก และเริ่มมีธุรกิจรับจ้างหิ้ว เคยสั่งมากที่สุดเป็นหลักพันกล่อง หรือแม้แต่การเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องน้ำยำ หรือกระแสน้ำยำปลอม แต่ After Yum ก็ไม่ย่อท้อ มุ่งหน้าลุยธุรกิจจนสำเร็จ กลยุทธ์เด็ดของคุณแต๋งในการสร้าง …

ไขข้อสงสัย! การเลือกน้ำเชื่อมแทนน้ำตาลดีกว่าอย่างไร? ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านชาไข่มุก คาเฟ่ ร้านเครื่องดื่ม หรือร้านอาหารแบบไหน มั่นใจได้ว่า “น้ำตาล” ต้องเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบสำคัญที่ต้องมีติดร้านเพื่อเพิ่มความหอมหวาน ซึ่งนอกจากจะใช้น้ำตาลเป็นเม็ด ๆ อย่างน้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายแดงแล้ว ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มหลาย ๆ ร้านมีการเลือกน้ำเชื่อมแทนน้ำตาลเพื่อเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูต่าง ๆ เช่นกัน สำหรับเจ้าของธุรกิจมือใหม่ที่ยังไม่แน่ใจว่าร้านเครื่องดื่มใช้น้ำเชื่อมแบบไหนในการปรับระดับความหวาน หรือไม่รู้ว่าควรเลือกใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาลดีหรือไม่ วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้ถึง 3 ข้อดีของการใช้น้ำเชื่อม พร้อมเปรียบเทียบความหวานของน้ำเชื่อมและน้ำตาลให้เห็นภาพแบบเข้าใจ หากใครพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย! 1. หวานคงที่ รสชาติไม่เปลี่ยนบ่อย ลูกค้าประทับใจ ผู้ประกอบการหลาย ๆ คนอาจมองว่า น้ำตาลเป็นวัตถุดิบที่มีราคาต่ำกว่าน้ำเชื่อม และทำให้ต้นทุนในระยะยาวมีราคาที่ถูกกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง ประเภทใดก็ตามทั้งแบบผง แบบเกล็ด หรือแบบเม็ด ย่อมชั่งตวงให้เท่ากันทุกครั้งได้ยาก จึงเกิดความเสี่ยงที่ทำให้รสชาติอาหารและเครื่องดื่มไม่คงที่  ด้วยเหตุนี้ การใช้น้ำเชื่อมแทนน้ำตาลจึงสามารถช่วยลดปัญหาความไม่คงที่ของรสชาติได้ ที่สำคัญ หากน้ำตาลโดนความชื้นจะเกาะติดช้อนตวงจนไม่สามารถนำไปใช้ได้ ทำให้สูญเสียต้นทุนค่าวัตถุดิบไป แต่การใช้น้ำเชื่อมจะเข้ามาแก้ไขปัญหาในส่วนนี้ และทำให้ร้านค้าใช้วัตถุดิบได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุดอีกด้วย 2. มีหลายชนิด ใช้งานได้หลากหลาย ลงตัวได้ทุกเมนู น้ำเชื่อม ไม่เพียงช่วยรังสรรค์รสชาติหอมหวานคงที่จนเป็นที่พึงพอใจของลูกค้าเท่านั้น แต่ยังมีชนิดของน้ำเชื่อมให้เลือกสรรตามความต้องการมากมายในท้องตลาด สามารถปรับใช้กับหลากหลายเมนูทั้งเครื่องดื่ม ขนมหวาน และอาหาร ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เราจะสามารถแบ่งชนิดของน้ำเชื่อมได้เป็น 2 ประเภท ประกอบไปด้วย ประเภทที่ 1: น้ำเชื่อมจากอ้อย น้ำเชื่อมจากอ้อยเกิดขึ้นจากการนำน้ำอ้อยมาผ่านกระบวนการทำให้ใส จากนั้นจึงนำเข้าสู่ชุดหม้อต้ม หรือ เครื่องมือที่เรียกว่า Multiple Effect Evaporator เพื่อระเหยเอาน้ำออกจนได้เป็นน้ำเชื่อม ซึ่งจะมีระดับความหวานที่แตกต่างกันออกไปตามกระบวนการผลิต ดังนี้ น้ำเชื่อมซูโครส  เกิดจากการนำน้ำตาลซูโครสแบบเม็ดมาละลายน้ำ ซึ่งสามารถปรับระดับความหวานให้มากหรือน้อยตามปริมาณน้ำที่ใช้ เวลา และอุณหภูมิในการเคี่ยว ซึ่งหากเคี่ยวนานเกินไปจนทำให้ความเข้มข้นของน้ำเชื่อมสูงเกิน 67 Brix ก็จะทำให้น้ำเชื่อมตกผลึกกลับมาเป็นน้ำตาลอีกครั้ง ข้อดี: ผลิตง่าย ควบคุมความหวานได้ ข้อเสีย : ทำให้รสชาติเสถียรยาก มักออกมาหวานแหลม อายุการเก็บสั้น เสี่ยงต่อการกลับมาเป็นน้ำตาล น้ำเชื่อม Invert Sugar เกิดจากการทำให้ “ซูโครส” ที่เป็นน้ำตาลโมเลกุลคู่แตกตัวออกมาเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว “ฟรุคโตส” และ “กลูโคส” อย่างละเท่า ๆ กัน ซึ่งจะมีการกำหนดสูตรที่แตกต่างกันออกไป เช่น หากเป็น Medium Invert Sugar (MIS) Brix 77 จะมีองค์ประกอบของน้ำเชื่อมเป็นน้ำตาลซูโครส 50% กลูโคส 25% ฟรุคโตส …

น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ เป็นน้ำตาลที่ได้จากอ้อยธรรมชาติ 100% ผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุด ทำให้ยังคงมีสารอาหารจากอ้อยเหลืออยู่ ทั้งวิตามิน แคลเซียม และฟอสฟอรัส ให้รสชาติ กลิ่น และสีสันจากอ้อยธรรมชาติ แถมยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้ทุกประเภท ทั้งคาว หวาน เบเกอรี่ หรือเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเมนูที่ต้องการความหวานละมุน ได้กลิ่นหอมจากอ้อย และต้องการเพิ่มสีสันให้เมนูอาหาร เทรนด์การดูแลสุขภาพ มีมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่เรื่องการออกกำลังกาย การดำเนินชีวิต ไปจนถึงเรื่องใหญ่อย่าง “อาหารการกิน” ซึ่งหนึ่งในเทรนด์ดูแลสุขภาพที่เกี่ยวกับอาหารการกินที่หลายๆ คนหันมาให้ความสนใจ คือ การใส่ใจเลือกอาหารที่มาจากธรรมชาติ หรือ อาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด ตั้งแต่วัตถุดิบ ส่วนผสมต่างๆ รวมไปถึงการเลือกเครื่องปรุงรสชาติของอาหารด้วย ที่มักจะเลือกแบบที่ไม่ค่อยผ่านการสังเคราะห์ “น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ” จึงเป็นอีกทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ ที่หากจะเลือกเติมความหวานทั้งที ก็ต้องเลือกสิ่งดีๆ จากธรรมชาติ แถมยังได้ความหอมหวานจากอ้อยธรรมชาติด้วย น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ vs น้ำตาลทรายขาว ต่างกันอย่างไร น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ และน้ำตาลทรายขาว มีที่มาจากลำต้นของอ้อยสดที่ผ่านกระบวนการคัดสรรพันธุ์อ้อย และผ่านการปลูกแบบชีววิธีเหมือนกัน  ให้รสชาติหวานใกล้เคียงกัน เรียกว่าสามารถใช้ทำอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มทดแทนกันได้หลากหลายเมนู แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดคือ “สี” ของน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด เพราะเกิดจากกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนแตกต่างกัน น้ำตาลทราย จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกน้ำตาล และทำให้บริสุทธิ์หลายขั้นตอนจนใสสะอาด มีเกล็ดเล็ก เม็ดละเอียด เมื่อนำมาละลายแล้วจะใสหรือมีตะกอนขาวขุ่นเล็กน้อย แม้จะใช้ได้หลากเมนู แต่เหมาะกับเมนูที่ไม่ต้องการให้สีสันของอาหารเปลี่ยนไป เช่น วุ้นกะทิ น้ำมะพร้าวปั่น เป็นต้น ส่วนน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ จะผ่านกระบวนการต้ม เคี่ยว ปั่นแยกผลึกเหมือนน้ำตาลทรายขาว แต่ไม่ได้ผ่านการกรองสีหลายขั้นตอน ทำให้ยังคงมีสีน้ำตาลที่คงอยู่จากน้ำอ้อย และมีกลิ่นหอมหวานจากอ้อย มีขนาดเกล็ดน้ำตาลที่ใหญ่กว่าน้ำตาลทรายขาว และให้รสชาติที่หวานละมุนมากกว่า เหมาะกับเมนูที่ต้องการเพิ่มสีสันและกลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ น้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ไม่ใช่ น้ำตาลทรายแดง หลายครั้งที่เรามักจะสับสนถึงชื่อเรียกของน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ด้วยสี กลิ่น และลักษณะเกล็ดน้ำตาล บางคนก็เรียกน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลแดง น้ำตาลทรายสีรำ น้ำตาลทรายไม่ขัด เป็นต้น จนอาจทำให้สับสนกับน้ำตาลทรายแดงจริงๆ ซึ่งจริงๆ แล้วน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด แม้จะเป็นน้ำตาลที่ได้มาจากน้ำอ้อยเหมือนกัน แต่ทั้งรูปลักษณ์ รสชาติ และกลิ่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง น้ำตาลทรายแดง จะมีลักษณะเป็นผงละเอียดเหมือนเม็ดทราย ความชื้นสูง มีกลิ่นหอมเข้มเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รสชาติหวานน้อยกว่าน้ำตาลอ้อยธรรมชาติเล็กน้อย ใช้แต่งสีอาหารให้สวยงาม จึงมักจะถูกนำไปใช้กับอาหารหวานที่ต้องการความหนึบ ชุ่มฉ่ำอย่างบราวนี่ ซอฟท์คุกกี้ ฟรุ๊ตเค้ก บัวลอยน้ำขิง หรือนำมาโรยหน้าเฉาก๊วย เพิ่มความหอมหวาน เมนูอาหารจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ มิตรผลน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ 100% ผลิตจากอ้อยธรรมชาติ 100% สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูได้ทุกประเภท …

เจาะลึกน้ำตาลเบเกอรี ใช้ถูก ขนมอร่อย ร้านขายดี หลายคนคงอาจจะเคยเจอความผิดพลาดในการทำเบเกอรี ซึ่งเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขั้นตอนการทำ อุณหภูมิการอบ หรือการเลือกใช้วัตถุดิบอย่าง “น้ำตาล” ซึ่งอาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เบเกอรีไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ทั้งรสชาติและเนื้อสัมผัส   การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับแต่ละเมนูจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีส่วนช่วยเรื่องความคงตัวและขึ้นฟู เก็บความชุ่มชื้น ชูรสชาติ และทำให้สีสันสวยงามน่ารับประทาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมัดใจลูกค้าด้วยคุณภาพและรสชาติที่โดดเด่น น้ำตาลเบเกอรีมีความสำคัญอย่างไร น้ำตาลที่ใช้ในเบเกอรีมีหลายชนิดและมีความแตกต่างกัน ให้รสชาติและเนื้อสัมผัสไม่เหมือนกัน โดยน้ำตาลสำหรับทำเบเกอรีจะมีความเนียนละเอียดมากกว่าน้ำตาลทรายทั่วไป เพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องการละลายช้าในขนม, การขึ้นฟูไม่เต็มที่ หรือเนื้อขนมไม่เนียน อบแล้วเกิดรอยร้าว ซึ่งหากเลือกใช้น้ำตาลที่ถูกประเภทก็จะสามารถช่วยลดปัญหาในการทำเบเกอรีได้ วันนี้เรามาทำความรู้จักคุณสมบัติของน้ำตาลเบเกอรีทั้ง 3 ประเภทกันค่ะ 1. น้ำตาลเบเกอรี (Caster Sugar) น้ำตาลเบเกอรี คือน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ที่ผ่านกระบวนการทำให้มีขนาดเล็กลง เป็นเกล็ดละเอียด จึงสามารถผสมเข้ากับส่วนผสมอื่น ๆ ได้ง่าย ช่วยลดระยะเวลาในการตีส่วนผสม ทำให้เนื้อขนมเนียนนุ่ม เนื้อเค้กขึ้นฟูเร็วขึ้น รี่ซึ่งมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้   ปัญหาเนื้อชิฟฟ่อนเกิดจุดสีน้ำตาล เกิดจากการที่น้ำตาลทรายปกติผสมกับแป้งไม่ดีพอ การใช้น้ำตาลเบเกอรีจะลดขั้นตอนในการผสม โดยที่ไม่ต้องเอาน้ำตาลไปปั่นก่อน ปัญหาทำเมอแรงก์สำหรับผสมในเนื้อเค้ก หากการตีน้ำตาลที่เกล็ดใหญ่เกินไป จะทำให้ใช้เวลาในการตีกับไข่ขาวนาน ซึ่งมีผลทำให้เค้กแข็งและเป็นรูภายในได้ ปัญหาเค้กไม่เนียน แข็งหรือแห้งเกินไป หากใช้น้ำตาลเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งขึ้นฟูได้เร็วขึ้น 2. น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี (Brown Sugar for Bakery) น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรี คือน้ำตาลทรายแดงที่ผ่านกระบวนการร่อนจนได้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียด สะดวก พร้อมใช้งาน หมดปัญหาการจับตัวกันเป็นก้อน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่กลิ่นหอมจากอ้อยธรรมชาติ ให้รสชาติหวานละมุน ช่วยให้เบเกอรีมีสีน้ำตาลสวยน่ารับประทาน นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาเมนูบราวนี่ที่มีรสชาติหวานแหลมจนเกินไป เพราะต้องใช้ปริมาณน้ำตาลเยอะเพื่อความชุ่มฉ่ำและการขึ้นฟิล์ม หากใช้น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยคงความชุ่มฉ่ำและช่วยให้รสชาติหวานละมุนกำลังดี ปัญหาเมนูทาร์ตที่เนื้อไม่กรอบร่วน น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยให้ตัวแป้งกรอบร่วนตามที่ควรจะเป็น ปัญหาการอบคุกกี้ให้ได้สีน้ำตาลสวย แต่ไม่เป็นแบบที่ตั้งใจจากการเลือกใช้น้ำตาลผิดประเภท ทำให้ใช้เวลาในการอบนานเกินไปและกลายเป็นคุกกี้ไหม้ น้ำตาลทรายแดงสำหรับเบเกอรีจะช่วยเรื่องสีและกลิ่นของคุกกี้ 3. น้ำตาลไอซิ่ง (Icing Sugar) น้ำตาลไอซิ่ง คือน้ำตาลทรายขาวที่ทำการบดหรือปั่นอย่างละเอียด ผสมกับแป้งมันสำปะหลัง เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน ในอดีตนิยมนำมาใช้ในการโรยตกแต่งหน้าเบเกอรี เช่น เค้ก, ขนมปัง, และโดนัท แต่ปัจจุบันน้ำตาลไอซิ่งเริ่มมีบทบาทในการทำเบเกอรีมากขึ้น สามารถนำมาเป็นส่วนผสมในครีมหรือวิปปิ้งครีมสำหรับแต่งหน้าเค้ก เพื่อให้ครีมตั้งรูป มีความคงตัวมากขึ้น หรือผสมในเนื้อคุกกี้หรือทาร์ต เพื่อช่วยเพิ่มความกรอบยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยแก้ปัญหาในการทำเบเกอรี ดังนี้  ปัญหาการอบมาการองที่ขึ้นทรงได้ไม่ดี หากใช้น้ำตาลไอซิ่ง จะช่วยตั้งทรงให้ขามาการองขึ้นรูปได้ดีขึ้น ปัญหาการละลายช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งหน้าเค้ก บางครั้งจะออกมาเหลวจนเกินไป การใช้น้ำตาลไอซิ่งเข้าไปผสมด้วยจะทำให้ตัวซอสช็อกโกแลตจับตัวอยู่บนหน้าเค้กได้ดีขึ้น เป็นยังไงกันบ้างสำหรับข้อมูลที่เอามาฝากกัน หวังว่าจะช่วยให้หลายท่าน ได้ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับน้ำตาลเบเกอรีมากขึ้น และสามารถนำไปปรับใช้ให้ถูกได้ ไม่ว่าจะเป็นการทำทานเองในครัวเรือนหรือทำขายสำหรับกิจการของคุณได้อย่างไร้ปัญหาค่ะ

ไขข้อข้องใจ น้ำเชื่อมสูตรดั้งเดิม VS น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว ดีต่างกันอย่างไร? หนึ่งในหัวใจสำคัญของการทำเครื่องดื่มและเบเกอรี่ ให้ได้รสชาติหวานคงที่และมีคุณภาพมาตรฐาน นั่นคือ น้ำเชื่อม เพราะเป็นตัวผสานความอร่อยของส่วนผสมต่างๆ ให้หวานกลมกล่อม ได้รสชาติที่ลงตัว แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเลือกน้ำเชื่อมที่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำเชื่อมให้ถูกประเภทจึงเป็นสิ่งสำคัญ หลายคนอาจสงสัยว่า น้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม แตกต่างจากน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็วอย่างไร เรามาทำความรู้จักเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย 1. คุณสมบัติทั่วไปที่เหมือนกันของน้ำเชื่อมเข้มข้น สูตรดั้งเดิม และน้ำเชื่อม สูตรละลายเร็ว มีดังนี้ ให้ความหวานคงที่ สม่ำเสมอ ใช้ง่าย สะดวก ประหยัดเวลาในการเตรียมน้ำเชื่อม ไม่ตกผลึก หรือกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาลอีก จัดเก็บง่าย และเก็บได้นาน 1 ปี โดยไม่ต้องแช่เย็น 2.คุณสมบัติทื่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์การใช้งาน มีดังนี้ 3. คุณสมบัติของความคุ้มค่าในการใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปทั้ง 2 ชนิด มีดังนี้ คุ้มค่าเรื่องต้นทุน เพราะน้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ให้ความควานคงที่ มีคุณภาพ และช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ไม่เปลืองค่าแก๊ส ค่าไฟ หากใช้ไม่หมดก็สามารถเก็บไว้ใช้งานต่อได้โดยไม่เสีย คุ้มค่าเรื่องเวลา น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยว สามารถใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการงานส่วนอื่นๆ ได้มากขึ้น ไม่ว่าผู้ประกอบการจะเลือกใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป ตรามิตรผล ประเภทไหน ก็ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดี เพราะผลิตภัณฑ์ได้ถูกคิดค้นสูตรมาเพื่อผู้ประกอบการ และการใช้งานจริง เพื่อให้ได้เมนูที่อร่อย รสชาติคงที่ มีคุณภาพ และได้มาตรฐานอย่างแน่นอน

3 สุดยอดเคล็ดลับ การใช้น้ำเชื่อมทำเบเกอรี่ จาก เชฟเลอ กอร์ดอง เบลอ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้หลายคนหันมาทำเบเกอรี่เป็นอาชีพหลัก และด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้ต้องมองหาเคล็ดลับที่เหนือกว่าคู่แข่ง เพื่อให้ได้เบเกอรี่อร่อย ได้มาตรฐาน แต่จะดีแค่ไหน หากเรารู้เคล็ดลับจากเชฟดังที่จะช่วยต่อยอดเบเกอรี่ให้เก่งขึ้น วันนี้เรามีเคล็ดลับจาก 3 เชฟเบเกอรี่ชื่อดังมาฝาก เชฟพฤกษ์ – พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร เชฟท่านแรก เชฟพฤกษ์ – พฤกษ์ สัมพันธวรบุตร ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจากการคว้าแชมป์ ‘เชฟกระทะเหล็กประเทศไทย’ และเป็นศิษย์เก่า สถาบัน le cordon bleu Paris , ประเทศฝรั่งเศส เจ้าของร้าน RawMat ร้านที่นำเสนออาหารในแบบ Chef’s Table มีความละเอียดอ่อนตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบจนกระทั่งรังสรรค์ออกมาเป็นเมนูพร้อมเสิร์ฟ เชฟพฤกษ์ได้แนะนำเมนู Deconstructed Apple Tart เป็นเมนูที่นำมาเสนอในรูปแบบใหม่ ด้วยการทำแป้งพายออกมาในรูปแบบของ Crumble ส่วนชิ้นแอปเปิ้ลนำไปแช่ใน Syrup โดยซอสที่ได้จากแอปเปิ้ล ถูกทำออกมาในรูปแบบมูสโฟม (Mouse Foam) เพื่อให้ได้รสสัมผัสที่แตกต่าง เคล็ดลับสำคัญที่เชฟพฤกษ์นำน้ำเชื่อมมิตรผลมาใช้ในการทำขนม คือน้ำเชื่อมมิตรผลช่วยให้เบเกอรี่ มีสีสวย ขึ้นเงา และ ช่วยให้เนื้อสัมผัส หรือ Texture ของเบเกอรี่ได้คุณภาพ  นอกจากนี้เชฟได้แนะนำการเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยนำไปพัฒนาต่อ และได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสำหรับเชฟรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จแบบเชฟพฤกษ์ อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง ต้องเรียนรู้ และฝึกฝนตลอดเวลา เชฟออย – วัชราพรรณ วณิชย์คูพลังกูร เชฟท่านที่สอง เชฟออย – วัชราพรรณ วณิชย์คูพลังกูร  ศิษย์เก่าจากสถาบันเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิตธานี คว้าอันดับ 1 หลักสูตร Diplôme de Pâtisserie และเป็นเจ้าของร้าน Three Bears Pastry ผู้ที่มีจุดเริ่มต้นจากความหลงใหลและมีใจรักในการทำเบเกอรี่ เชฟออยได้แนะนำเมนูเด็ดอย่าง Chocolate Espresso Flourless Cake พร้อมเคล็ดลับง่ายๆ มาฝาก เชฟเลือกใช้น้ำเชื่อมมิตรผลในการทำเมนู Chocolate Espresso Flourless Cake เพราะช่วยให้หน้าขนมเรียบเนียน มีเสน่ห์ น่ารับประทานมากขึ้น นอกจากนี้น้ำเชื่อมยังสามารถนำไปเคลือบหน้าชิ้นผลไม้ ทำให้ผลไม้มีความเงางามและอยู่ได้นานขึ้น สำหรับใครที่มีความฝันอยากเป็นเชฟ และประสบความสำเร็จในการทำเบเกอรี่ เชฟออยมีคำแนะนำง่ายๆ คือ อยากให้สร้างสรรค์ พลิกแพลง และไม่อยู่ในกรอบหรือสูตรที่เคยทำมา …

เคล็ด (ไม่) ลับ แก้ปัญหาน้ำตาลตกผลึก เคยสงสัยไหม “ทำไมยิ่งเคี่ยวน้ำตาล ยิ่งตกผลึก?” ซึ่งส่งผลให้ต้องเสียวัตถุดิบ และเสียเวลาไปโดยใช่เหตุ บางคนทำแล้วมีน้ำใสๆ อยู่ด้านบน ส่วนด้านล่างน้ำตาลก็จับตัวแข็งเป็นก้อน แล้วเราจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไร วันนี้เรามี 3 เคล็ดลับที่จะมาช่วยแก้ปัญหาการเคี่ยวน้ำตาลตกผลึก มาลองทำตามกันง่ายๆ ดังนี้ เคล็ดลับที่ 1 – บีบมะนาว 1 ซีก ขณะที่น้ำตาลเริ่มข้นแล้ว ให้เปลี่ยนจากไฟกลางมาใช้ไฟอ่อน จากนั้นบีบมะนาว 1 ซีกลงไป แล้วคนเล็กน้อย เพื่อป้องกันการเกิดเกล็ดน้ำตาลที่มีฝ้าขาวภายนอกผิวของน้ำเชื่อม และจะทำให้โมเลกุลของน้ำตาลเกิดการแตกตัวของน้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุกโตส เรียกว่า “Invert Sugar” เพื่อป้องกันการตกผลึก โดยการตกผลึกนี้ขึ้นอยู่กับค่า pH และอุณหภูมิ ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ค่า pH ระหว่าง 3.0-3.5 (อยู่ในช่วงความเป็นกรด) และปรับ pH โดยการเติมปริมาณกรดที่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้รสชาติกลมกล่อมอีกด้วย เคล็ดลับที่ 2 – วิธีการเคี่ยว การเคี่ยวแต่ละครั้งมีผลต่อการตกผลึกของน้ำตาลเช่นกัน วิธีการง่ายๆ คือ พอนำน้ำตาลทรายตั้งไฟแล้ว “อย่าคนบ่อย” แต่ปล่อยให้น้ำตาลค่อยๆ ละลายเอง เมื่อตั้งไฟปานกลางไว้สักพักจนน้ำตาลเดือด ถึงจะค่อยๆ คนอีกครั้งหนึ่ง เพราะการคนบ่อยจะเป็นตัวช่วยเร่งปฏิกริยาให้น้ำตาลเกิดการจับตัวเป็นก้อนได้ง่ายขึ้น เคล็ดลับที่ 3 – ใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปมิตรผล อีกวิธีง่ายๆ คือ การใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูป เพราะใช้งานง่าย ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน ได้ความหวานคงที่มีมาตรฐาน ไม่ตกผลึกกลับมาเป็นเกล็ดน้ำตาล และยังช่วยลดต้นทุนวัตถุดิบได้อีกด้วย เปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างน้ำเชื่อมสูตรเข้มข้น vs น้ำเชื่อมสูตรละลายเร็ว เพียงเท่านี้ ปัญหาเรื่องการเคี่ยวน้ำเชื่อมแล้วตกผลึกก็จะหมดไป หรือเพียงแค่เปลี่ยนมาใช้น้ำเชื่อมสำเร็จรูปตรามิตรผล ก็จะสามารถช่วยให้คุณประหยัดต้นทุนและวัตถุดิบอื่นๆ ได้อีกมาก ที่สำคัญไม่ต้องเปลืองเวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมเอง และช่วยให้คุณได้น้ำเชื่อมที่มีคุณภาพ ไม่จับตัวเป็นก้อนอีกด้วย

จบปัญหารสชาติเพี้ยน! ด้วย 3 ปัจจัยให้รสชาติอร่อยปัง “ทำไมลูกค้าขาประจำของเราหายไป?” คำถามที่ผู้ประกอบการหลายคนอยากหาคำตอบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีสาเหตุมาจาก “รสชาติ” ที่เปลี่ยนไปทำให้ลูกค้าที่เคยติดใจรสชาติเดิมอาจเกิดความไม่พอใจ เราจึงมีเทคนิคที่จะช่วยทำให้อาหาร ขนมหวาน หรือเบเกอรี่มี “รสชาติอร่อยคงที่” ได้มาตรฐาน สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ 1. สูตรต้องคงที่ สิ่งสำคัญที่ต้องบันทึกไว้ให้เป็นมาตรฐานประจำร้าน คือ “สูตรอาหาร” เพื่อลดปัญหาเวลาเปลี่ยนมือคนทำ แล้วรสชาติจะเปลี่ยนตามไปด้วย ดังนั้นเราต้องระบุส่วนผสมของอาหาร หรือสูตรชั่งตวงของเบเกอรี่ให้ชัดเจนและแม่นยำ เพื่อให้ได้สูตรอาหารหรือเบเกอรี่ที่คงที่ ได้มาตรฐานอยู่เสมอ 2. เวลาในการปรุงต้องคงที่ การคำนวณเวลาในการปรุงก็เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการปรุงอาหารหรือเบเกอรี่ที่ผ่านความร้อน เพราะอาจส่งผลทำให้รสชาติเปลี่ยนไปได้ เช่น การใช้อุณหภูมิความร้อนไฟอ่อน ไฟกลาง หรือไฟแรง ที่ใช้เวลาในการปรุงต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้เวลาที่สั้นเกินไป หรือ นานเกินไป ก็อาจส่งผลให้รสชาติอาหารแตกต่างกันได้ ดังนั้นผู้ประกอบการควรคำนวณและจัดสรรระบบเวลาในการปรุงให้คงที่และแม่นยำอยู่เสมอ 3. วัตถุดิบต้องคงที่ เครื่องปรุงหรือวัตถุดิบ คือหัวใจสำคัญในการปรับแต่งรสชาติอาหารให้อร่อย การปรับเปลี่ยนสัดส่วน ทั้งเพิ่ม หรือลด ก็มีผลต่อรสชาติ ในขณะเดียวกันหากมีการเปลี่ยนเครื่องปรุง เปลี่ยนยี่ห้อ หรือทำขึ้นเอง แล้วได้รสชาติไม่คงที่ ก็ย่อมส่งผลต่อรสชาติของอาหารเช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการต้องประเมินสัดส่วน เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้รสชาติคงที่ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล ให้ความหวานคงที่ ไม่ทำให้รสชาติของอาหารเปลี่ยน หรือมีรสชาติผิดเพี้ยน ผู้ประกอบการสามารถวางใจเรื่องรสชาติคงที่ได้เลย  เพราะคุณสมบัติสำคัญ 5 ข้อของผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมมิตรผล เหมาะสำหรับการปรุงแต่งรสชาติ คือ มีความเข้มข้น ไม่ตกผลึก หรือเป็นเกล็ดน้ำตาล ช่วยให้เบเกอรี่มีความชุ่มชื้น ฉ่ำวาว เงางาม น่ารับประทาน ให้ความหวานคงที่ ได้มาตรฐาน ช่วยลดต้นทุนได้ เช่น ค่าแก๊ส ค่าไฟ เป็นต้น ประหยัดเวลา ไม่ต้องเสียเวลาเคี่ยวนาน เมื่อผู้ประกอบการสามารถควบคุมสูตรอาหาร เวลา และวัตถุดิบ ให้อยู่ในระดับคงที่ได้แล้ว ก็ช่วยลดความกังวลใจเรื่องรสชาติเพี้ยนได้เลย เพราะองค์ประกอบสำคัญของการผลิตได้ถูกกำหนดอย่างมีมาตรฐาน และเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้เวลาไปบริหารจัดการด้านอื่นๆ ของร้านแทน เช่น การพัฒนาสูตรใหม่ๆ การทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ การสร้างยอดขายให้ปัง เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ทั้งลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรแวะเวียนมาไม่ขาดสายแล้ว